วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2557

นบีอิดรีส

                                อิดรีส

ผู้ศรัทธามั่น  ผู้เป็นนบี


ในนามของอัลเลาะห์ผู้ทรงเมตตายิ่งผู้ทรงกรุณายิ่ง


            เราได้เรียนรู้ชีวประวัติของท่านนบีอาดัม (.) มาแล้วก่อนหน้านี้แล้ว  ความจริงอาดัม  (.) เป็นนบีที่มีอายุยืนยาวมาก  เขาได้ให้กำเนิดบุตรมากมาย  และบุตรคนหนึ่งของเขาก็คือ       “ ชีต “   (.)    ชีต มีความหมายว่า   ของขวัญจากอัลเลาะห์ ”   มีเรื่องเล่าว่า อาดัม  บิดาของ ชีต ได้ตั้งชื่อให้เขาเช่นนั้น ก็เพราะอาดัมให้กำเนิดบุตรคนนี้ ภายหลังจากกอบีล ได้สังหารฮาบีล   พี่น้องของเขาเสียชีวิต  ชีต จึงเป็นเหมือนของขวัญจากอัลเลาะห์ที่ได้ประทานให้แก่อาดัม.
            นักวิชาการกล่าวว่า เมื่ออาดัมใกล้เสียชีวิตนั้น เขาได้เรียก ชีต มาสั่งสอนเขาให้รู้จักช่วงเวลาต่างๆ ทั้งเวลากลางวันและเวลากลางคืน และได้สอนการทำอิบาดะห์ในช่วงเวลาเหล่านั้นแก่เขา  อีกทั้งยังได้บอกแก่เขาว่าต่อไปจะเกิดน้ำท่วมโลกขึ้น  กล่าวกันว่าสายตระกูลของลูกหลาน  อาดัมนั้นจะมาบรรจบที่ชีต ผู้นี้   และกาลต่อมาลูกหลานของอาดัมจากสายอื่นๆ  ได้สูญพันธุ์ลงหมดสิ้น . อัลเลาะห์ ทรงรู้ยิ่ง.
ชีต ได้ทำหน้าที่ในตำแหน่งนบีสืบต่อจากอาดัม บิดาของเขา  ชีต เป็นนบี ดังที่เราทราบมาจากฮะดีษของท่านนบีมูฮำหมัด (.) ที่กล่าวว่า : ชีต ได้รับแผ่นบันทึกบัญญัติศาสนาจำนวนถึง 50  แผ่น และเมื่อเขาใกล้เสียชีวิต เขาได้สั่งเสียไว้แก่บุตรคนหนึ่งของเขา  ให้ทำหน้าที่ต่อจากเขา จนในที่สุดคำสั่งเสียนั้นได้ตกทอดไปจนถึง อุคนูค ซึ่งก็คือ อิดรีส (.)นั่นเอง.
เราจะหยุดพักกันตรงนี้สักครู่ พร้อมกับศึกษาความเป็นมาของมนุษยชาติ ผ่านประวัติศาสตร์อันยาวนาน เพื่อให้ความสนใจกับความหยั่งรู้ของอัลเลาะห์ในการชี้นำสู่ฮิดายะห์ หนทางที่ถูกต้อง และมอบแสงสว่างให้แก่มนุษย์  โดยผ่านการส่งรอซู้ล (ศาสนทูต)มา และผ่านทางการแต่งตั้งบรรดานบีทั้งหลาย.
รอซู้ล    : คือมนุษย์จากลูกหลานของอาดัม ที่อัลเลาะห์ได้ส่งเขามาพร้อมด้วยข้อใช้ และข้อห้าม  และพระองค์มีบัญชาให้เขานำหลักการนั้นออกเผยแพร่แก่มวลมนุษย์.
นบี  : คือมนุษย์จากลูกหลานของอาดัม เช่นเดียวกัน ที่อัลเลาะห์ได้ส่งเขามาพร้อมด้วยข้อใช้และข้อห้าม  แต่พระองค์ไม่ได้มีบัญชาให้เขานำหลักการนั้นออกเผยแพร่แก่มวลมนุษย์.
ด้วยเหตุนี้จึงเกิดมีรอซู้ล ที่เป็นนักต่อสู้ ผู้อุทิศชีวิตของตนในวิถีทางของอัลเลาะห์ ซึ่งพวกเขาถูกเรียกว่า  อุลุ้ลอัซมิ ”   คือรอซู้ลผู้มีจิตใจอันเด็ดเดี่ยว.
เพราะการต่อสู้ของพวกเขาในการเผยแพร่ศาสนานั้นยิ่งใหญ่ พวกเขาต้องเผชิญกับความเหนื่อยยาก ภัยจากการคุกคาม  และการปองร้ายจากพวกพ้องของพวกเขาเองอย่างรุนแรง.
ขอพวกเราได้โปรดสละเวลาสักนิดให้แก่ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ตลอดระยะเวลายาวนานที่ผ่านมา และหันมาให้ความสนใจกับนบีท่านหนึ่งจากบรรดานบีทั้งหลายที่อัลเลาะห์ได้ส่งมา  เพื่อนำหนทางที่ถูกต้องมามอบให้แก่มวลมนุษย์ และมาชี้นำพวกเขา  รอซู้ลนั้นถือเป็นความเมตตาของอัลเลาะห์ที่มอบให้แก่ชาวโลกทั้งหลาย เขาจะมาเยียวยาความเบี่ยงเบนของมนุษย์ที่ออกนอกลู่นอกทาง  จะมาชี้นำมนุษย์ให้ยึดมั่นแนวทางของความดีมีศรัทธา ยึดมั่นสัจจะ และความเที่ยงธรรม อาดัมเป็นนบีท่านแรกของมนุษยชาติ ต่อมาก็คือชีต และหลังจากทั้งสองก็คืออิดรีส.

ชัยตอนยังคงต่อสู้กับมนุษย์

ภายหลังจากอาดัมจากไป  มนุษย์ได้มีชีวิตสืบต่อกันมาอีกหลายยุคหลายสมัยเป็นเวลานานแสนนาน มนุษย์เพิ่มจำนวนมากขึ้นและแพร่พันธุ์  มนุษย์มีจำนวนมากขึ้น  และมากขึ้น  สิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นให้ทำความดี และความรักมีอยู่เต็มเปี่ยมจิตใจของมนุษย์  แต่ชัยตอนก็ยังคงติดตามมนุษย์อย่างไม่คลาดสายตา  มันได้หว่านเชื้อความชั่วร้ายลงในจิตใจของบางคน  ชัยตอนจึงมีสมัครพรรคพวกที่พอใจในแนวทางของมัน ที่มุ่งทำลายสายสัมพันธ์ที่ดีของมนุษย์ เพราะมันได้ให้สัญญาไว้แล้วว่าจะต้องลวงล่อลูกหลานของอาดัม  และหว่านล้อมให้พวกเขาทำความชั่ว และทำบาปเพื่อในทีสุดก็จะไม่เหลือพวกที่อยู่ในทางนำที่ถูกต้องอีกต่อไป
ในชีวประวัติของนบีอาดัม (.) เราได้ประจักษ์แล้วว่าอิบลีสได้ให้สัญญากับตัวเองไว้ว่ามันจะทำตัวเป็นศัตรูกับมวลมนุษย์ซึ่งเป็นลูกหลานของอาดัม มันให้สัญญาจอมปลอมไว้กับพวกเขา  ให้ความหวังอย่างลมๆ แล้งกับพวกเขา   สิ่งที่ชัยตอนได้ให้สัญญาไว้กับมนุษย์นั้นล้วนเป็นคำหลอกลวง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า แรงกระตุ้นให้ทำความดียังมีอยู่ในจิตใจของคนจำนวนมาก สายธารแห่งความรักและความดียังคงหลั่งไหลอยู่ในระหว่างพวกเขา  แต่ด้วยความประสงค์ของอัลเลาะห์ ตาอาลา ได้กำหนดไว้แล้วว่า ลูกหลานของอาดัมจะต้องถูกทดสอบ จะต้องได้รับการพิสูจน์  ชัยตอนคอยเฝ้ามนุษย์อย่างใกล้ชิด  มันจะเข้าประชิดตัวเขา กระซิบกระซาบ และชักจูงให้มนุษย์ออกห่างสัจธรรม สิ่งที่ดีงาม สู่ความโป้ปดมดเท็จ และความเลวทราม มนุษย์ที่ตกเป็นเป้าหมายของมัน และยอมทำตามมัน ก็จะกลายเป็นพลพรรคของมัน และจะกลายเป็นผู้ที่ขาดทุนในที่สุด.
ในการเผชิญหน้ากับชัยตอน  บรรดานบีทั้งหลายจะปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขา ตามที่ได้รับมอบหมายจากอัลเลาะห์  ให้ทำหน้าที่เผยแพร่แก่มวลมนุษย์ พวกเขาจะกระตุ้นให้มนุษย์ทำความดี  พวกเขาจะผูกพันหัวใจของมนุษย์ด้วยความรัก ความสนิทสนม และความเมตตา เพื่อโลกนี้จะเป็นสุข  และเพื่อพวกเขาเองก็จะมีความสุขด้วยสายสัมพันธ์ที่ดี ด้วยคุณลักษณะที่ควรยกย่อง จากความประพฤติที่ดีและมารยาทอันงดงามของพวกเขา.
อิดรีส  ก็เป็นนบีท่านหนึ่งจากบรรดานบีผู้ทรงเกียรติเหล่านั้น  ซึ่งมีนามระบุอยู่ในอัลกุรอาน  อัลเลาะห์ ตาอาลาได้ตรัสไว้ในซูเราะห์ มัรยัมว่า : “และจงกล่าวถึงเรื่องอิดรีส ที่อยู่ในคัมภีร์เถิด แท้จริงเขาเป็นผู้ศรัทธามั่น และเป็นนบี  และเราได้เทิดเกียรติเขาสู่ตำแหน่งอันสูงส่ง “ (มัรยัม : 56-57)
อัลกุรอาน ไม่ได้เล่าอะไรเกี่ยวกับอิดรีส (.) นอกจากข้อความดังกล่าวเท่านั้น, มีความเป็นไปได้มากทีเดียว ที่มนุษยชาติในระยะเริ่มแรกนั้น ยังไม่มีกลุ่มชนที่เบี่ยงเบนออกจากแนวทางของอัลเลาะห์มากนัก  เหมือนกับที่เราได้เรียนรู้จากประวัติของบรรดานบีในยุคหลังจากนั้น  นบี อิดรีส (.) ถือได้ว่าเป็นห่วงโซ่หนึ่งที่ต่อเชื่อมระหว่างยุคหลังกับยุคก่อน  เขาชี้นำมนุษย์ให้ทำความดี  และยับยั้งพวกเขาจากการทำความชั่ว  สั่งสอนพวกเขาให้รู้จักสิ่งที่จะเป็นประโยชน์แก่พวกเขา เพื่อความสุขในโลกนี้ และความรอดพ้นในโลกหน้าอาคิเราะห์.

ใครคืออิดรีส (.)

นักวิชาการได้กล่าวไว้อย่างไรเกี่ยวกับนบีท่านนี้  ?
พวกเขากล่าวว่า  นบีอิดรีส เป็นลูกหลานของอาดัม (.เขาสืบเชื้อสายมาจาก ชีต บุตร ของอาดัม  ชื่อของเขามีระบุอยู่ในคัมภีร์เตารอห์ว่า คุนูค”  ในฉบับแปลภาษาอาหรับออกเสียงว่า อุคนูค”  คัมภีร์เตารอห์กล่าวว่าเขาเป็นนบีท่านแรกภายหลังจากอาดัม (.).
นักประวัติศาสตร์บางคนกล่าวว่า :  เขามีชีวิตอยู่ร่วมสมัยกับอาดัม เป็นเวลาสามร้อยแปดปี  หมายความว่าเขาได้เห็นปู่ทวดของเขาคืออาดัมและใช้ชีวิตร่วมกับเขาเป็นเวลาหลายร้อยปี
ตำราประวัติศาสตร์บางเล่มเล่าว่า อิดรีสเกิดที่อียิปต์ ในเมือง มันฟ์   บางคนกล่าวว่าเขาเกิดที่ บาบิโลน และเติบโตอยู่ที่นั่น  และได้ศึกษาวิชาควมรู้จากชีต ผู้เป็นปู่ของเขา.
แต่จากหลักฐานที่แน่นอนก็คือเขาเกิดที่อียิปต์  พำนักอยู่ที่นั่นและเรียกร้องเชิญชวนมนุษย์สู่การภักดีต่ออัลเลาะห์ ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกร  เขาทำหน้าที่กำชับผู้คนให้ทำความดี และคอยยับยั้งพวกเขาจากการทำความชั่ว, อัลเลาะห์ ตาอาลาได้ยกตำแหน่งของเขาให้สูงขึ้น นักวิชากรบรรยายความหมายอัลกุรอานกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า อัลเลาะห์ได้บัญชาแก่อิดรีสว่า : โอ้ อิดรีส แท้จริงเราจะยกเกียรติเจ้าให้สูงขึ้นทุกวัน เท่ากับความดีที่มนุษย์ทั้งหมดได้กระทำ. เบื้องหน้าความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ของอัลเลาะห์นี้ อิดรีส มีความต้องการทำความดีมากขึ้น  เขาได้ทุ่มเทการทำอิบาดะห์ต่ออัลเลาะห์มากยิ่งขึ้น   เขาได้ใช้เวลาที่มีประกาศเชิญชวนให้มนุษย์หันมาทำความดี  เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณต่ออัลเลาะห์ที่ได้ประทานความโปรดปรานอย่างมากมายให้แก่เขา  นี่คือบุคลิกของบ่าวที่ทีคุณธรรมทุกคน ที่เขาจะต้องตอบแทนบุญคุณของอัลเลาะห์  เพื่อที่อัลเลาะห์จะได้เพิ่มมูลความเมตตาให้แก่เขามากยิ่งขึ้น  สมดังคำดำรัสของพระองค์ที่ว่า :
ถ้าหากพวกเจ้าตอบแทนบุญคุณอัลเลาะห์  แน่นอนพระองค์จะเพิ่มพูนให้แก่พวกเจ้ามากยิ่งขึ้น “ 
(อิบรอฮีม: 7)
            ท่านนบีมุฮำหมัด (.)ได้เล่าให้พวกเราทราบว่าในคืนอิสรออ์ และเมียะอ์รอจ นั้น ท่านได้เห็นนบีอิดรีส (.) และพบกับเขาในฟ้าชั้นที่สี่.

หลักสำคัญในการเผยแพร่ศาสนาของอัลเลาะห์


            เราจะประกาศเชิญชวนสู่ศาสนาของอัลเลาะห์ ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกรได้อย่างไร ? และเราจะกำชับให้ทำความดีและยับยั้งจากความชั่วได้อย่างไร ?
            ความจริงอัลกุรอาน ได้วางหลักการที่ถูกต้อง สำหรับการประกาศเชิญชวนสู่ศาสนาของอัลเลาะห์เอาไว้ในคำดำรัสของอัลเลาะห์ ตาอาลาที่ว่า :
เจ้าจงประกาศเชิญชวนสู่ศาสนาขององค์อภิบาลของเจ้า ด้วยวิทยปัญญา และด้วยคำสั่งสอนตักเตือนที่ดีงามเถิด และเจ้าจงโต้เถียงกับพวกเขา ด้วยข้อมูลที่ดีกว่า “  (อันนะห์ลิ : 125)  โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่าบรรดานบีของอัลเลาะห์ทั้งหลายต่างก็ได้ดำเนินตามหลักการอันยิ่งใหญ่นี้ทั้งสิ้นในการประกาศเชิญชวนสู่ศาสนาของอัลเลาะห์และหนึ่งจากนบีเหล่านั้นก็คือท่านนบีอิดรีส (.)
            ลูกหลานของอาดัมกระจัดกระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่งในโลกทั้งตะวันออกและตะวันตก พวกเขากลายเป็นก๊ก เป็นเหล่า ซึ่งแต่ละก๊ก แต่ละเหล่า  ต่างก็มีภาษาและสำเนียงเป็นของตนเอง กล่าวกันว่าขณะที่อัลเลาะห์ได้ส่งอิดรีสมาทำหน้าที่ศาสนทูตนั้น ภาษาสำเนียงของมนุษย์ขณะนั้นมีอยู่ถึงเจ็ดสิบภาษาและสำเนียง  อัลเลาะห์ได้สอนอิดรีสให้พูดภาษาและสำเนียงของแต่ละก๊ก แต่ละเหล่าได้เป็นอย่างดี เพื่อให้เขาสามารถประกาศเชิญชวนแต่ละก๊ก แต่ละเหล่าสู่ศาสนาของ     อัลเลาะห์ได้ด้วยภาษาและสำเนียงของพวกเขาเอง  และเขาได้ทำหน้าที่สั่งสอนมนุษย์ให้รู้จักหลักการศาสนา ด้วยภาษาและสำเนียงที่พวกเขาเข้าใจ.
            อิดรีส ได้จัดระเบียการดำเนินชีวิตของมนุษย์ให้ดีขึ้น เขาได้จัดทำผังเมืองต่างๆ ขึ้น ได้รวบรวมนักศึกษาให้มารับการศึกษาในทุกเมือง  เขาได้สอนนักศึกษาให้รู้จักสิ่งที่เป็นสัจธรรม และความยุติธรรม  ได้อธิบายให้พวกเขารู้จักหลักการปกครอง  เคล็ดลับของความเจริญรุ่งเรือง  และให้ความเข้าใจแก่พวกเขาถึงหลักในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคม  ได้วางแนวทางทางด้านการเมืองการปกครองที่จะนำพาพวกเขาสู่ความผาสุขที่ยั่งยืน ซึ่งมีรากฐานอยู่ที่ความร่วมมือกันทำ   ความดี และมีคุณธรรม  และยึดหลักการที่ว่าอัลเลาะห์ย่อมอยู่กับคนหมู่มากที่มีความสามัคคี  อิดรีสเป็นคนแรกที่ได้นำหลักปรัชญาออกมา  เพราะอัลเลาะห์ตาอาลาได้สอนให้เขารู้เคล็ดลับมากมายที่มีอยู่ในจักรวาล  เขารู้ความลี้ลับของดาราศาสตร์  จุดรวมของดวงดาว  และตำแหน่งที่ดาวตก  ตลอดจนจักราศีของมัน  รู้จักจำนวนปี  และการคำนวณ. เช่นเดียวกับที่เขาได้ดำเนินการที่ยิ่งใหญ่และถือกันว่าเป็นงานที่สำคัญอย่างยิ่งในยุคสมัยโน้น เพราะเขาได้แบ่งโลกออกเป็นสี่ส่วน และได้แต่งตั้งผู้มีอำนาจสี่คนให้ทำหน้าที่ปกครองในแต่ละส่วน  และได้จัดวางผังเมืองเพื่อรองรับความเจริญเติบโตในแต่ละส่วนการแบ่งนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นอย่างแท้จริง ของการก่อกำเนิดความเป็นประชากร  และความเป็นเผ่าพันธุ์ของมนุษย์.
            อิดรีส ได้เริ่มอธิบายเป้าหมายหลักของการสร้างมนุษย์ขึ้นมาในจักรวาลนี้  เขาได้แจกแจงให้แต่ละประชาชากรทราบถึงหลักสำคัญที่จะก่อให้เกิดการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองขึ้นเพื่อให้พวกเขาใช้เป็นหลักยึด  และต่อไปมนุษย์ก็จะรู้จักบทบาทของตนที่จะต้องปฏิบัติเพื่อพัฒนาโลกนี้และสรรค์สร้างความเจริญแก่ชีวิต.

อิดรีสประกาศเชิญชวนสู่อิสลาม


            นี่คือข้อเท็จจริงที่ไม่มีมุสลิมคนใดปฏิเสธ  อิดรีสได้ประกาศเชิญชวนสู่อิสลาม เพราะความหมายของอิสลามคือการยอมจำนนต่อองค์อภิบาลสากลโลก ยอมสวามิภักดิ์ต่อพระองค์อย่างศิโรราบ ปฏิบัติตามคำบัญชาของพระองค์อย่างไม่โต้แย้ง  และดำเนินตามแนวทางของนบีที่อัลเลาะห์ทรงแต่งตั้งมา ไม่มีนบีท่านใดเลย นอกจากเขาจะต้องป่าวร้องแก่ประชากรของเขาว่า : พวกเจ้าจงสักการะอัลเลาะห์เพียงผู้เดียว  ไม่มีพระเจ้าอื่นอีกแล้วสำหรับพวกเจ้า คำประกาศเชิญชวนของนบีทุกท่านจะเน้นเรื่องหลักศรัทธาเป็นสำคัญ คือการยอมรับว่าอัลเลาะห์เป็นพระเจ้าที่แท้จริงแต่เพียงผู้เดียวที่มนุษย์จะต้องสักการระกราบไหว้  ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกเป็นคู่ภาคีของพระองค์ในการเป็นพระเจ้า และไม่มีผู้ใดมีอำนาจเหนือพระองค์.
            พร้อมๆ กับการประกาศเรียกร้องสู่หลักศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว อิดรีส ก็ได้เชิญชวนมนุษย์สู่ความดี และห้ามปรามจากความชั่ว  เขานำมาซึ่งหลักการของอิสลาม  และเขาก็จะดำเนินไปตามเส้นทางของอิสลาม  เขาเรียกร้องสู่การชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์จากความสกปรกโสมมของความเคืองแค้น  ความชิงชัง ความเห็นแก่ตัว  และความละโลภ  เขาเรียกร้องสู่ความมีหัวใจที่บริสุทธิ์  จิตใจที่สดใส  เชิญชวนสู่การทำความดีทั้งกลางวันและกลางคืน ทั้งในที่ลับและเปิดเผย เขากระตุ้นไม่ให้ยึดติดกับดุนยา และความผาสุขในโลกนี้  และว่ามนุษย์จะต้องไม่โลภในทรัพย์สินของผู้อื่น  เพื่อให้ตาชั่งของความยุติธรรมเที่ยงตรงอยู่ตลอดกาล และเพื่อความดีงามในชีวิต.
            สำหรับอิบาดะห์ ต่างๆ นั้นอิดรีสได้แจ้งข่าวดีแก่มวลมนุษย์ ด้วยสิ่งเดียวกันกับที่บรรดานบีต่างๆ นำมา เขาใช้ให้ทำละหมาดซึ่งในเนื้อแท้ของละหมาดก็คือการมุ่งหน้าเข้าหาอัลเลาะห์ด้วยการวิงวอนขอพรต่อพระองค์  และครุ่นคิดตรึกตรองถึงสรรพสิ่งที่อัลเลาะห์ได้ทรงสร้างขึ้นมา ตลอดจนความแตกต่างของกลางวันกับกลางคืน  นบีทั้งหลายจะใช้พวกพ้องของตนให้ทำละหมาด  แต่ในรูปแบบที่อัลเลาะห์ ตาอาลาเท่านั้นทรงทราบ  เพราะอาจไม่ใช่ละหมาดในรูปแบบเดียวกับที่พวกเราในฐานะมุสลิมปัจจุบันปฏิบัติอยู่ก็เป็นได้.
            อิดรีส  ได้ใช้พวกพ้องของเขาให้ถือศีลอดหลายวันทุกเดือน และกระตุ้นเตือนให้ผู้คนหยิบยื่นทานบริจาคให้แก่คนยากจนและอ่อนแอ.
            เขาอบรมสั่งสอนประชาชนให้รักษาสติปัญญาของพวกเขา โดยใช้ให้ประชาชนออกห่างจากสิ่งที่ทำให้มึนเมาทุกชนิด  อบรมสั่งสอนพวกเขาให้รักษาสุขภาพ  ไม่รับประทานสิ่งที่สกปรกทั้งหลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อสุกรและสุนัข.
            ศาสนทูตทุกท่านที่ทำหน้าที่เชิญชวนสู่อิสลามก็เช่นเดียวกัน จะเรียกร้องประชาชนของตนให้รักษาศาสนา  คือรักษาความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับพระผู้เป็นเจ้าให้เหนียวแน่น  ให้รักษาชีวิต  รักษาสติปัญญา รักษาเกียรติยศ และทรัพย์สิน เพราะสิ่งเหล่านี้คือหลักชัยของชีวิต ที่ไม่ยินยอมให้มีการละเมิดโดยเด็ดขาด.
            ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่จะพัฒนาให้มนุษย์ดีขึ้นทั้งร่างกาย ทรัพย์สิน และความเป็นอยู่รอบด้าน.
            ส่วนด้านระเบียบทางสังคมนั้น  กล่าวกันว่าอิดีส (.) ได้กำหนดวันรื่นเริงขึ้นมากมายให้แก่ประชาชนเนื่องในโอกาสต่างๆ เพื่อให้พวกเขาได้มาชุมนุมกัน ทำความรู้จักมักคุ้นกัน และสร้างสัมพันธภาพของความเป็นมิตรขึ้นระหว่างกัน  และอิดรีส ยังได้แนะนำประชาชนให้ถวายกุรบาน เพื่ออัลเลาะห์อีกด้วย  กุรบานคือการให้ทานสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์มี เพื่อทำตัวให้เข้าใกล้ชิดอัลเลาะห์ ตาอาลา  กล่าวกันว่ากุรบานที่อิดรีสใช้ให้กระทำมีสามชนิดคือ :
            สิ่งที่มีกลิ่นหอม  ทำกุรบานด้วยดอกกุหลาบ
            ธัญพืช  ทำกุรบานด้วยข้าวสาลี
            ผลไม้  ทำกุรบานด้วยองุ่น


ปรัชญาและคำสั่งสอนของอิดรีส


            ประวัติศาสตร์ไม่ได้ทิ้งชีวประวัติโดยละเอียดของนบีอิดรีสไว้ ให้พวกเราได้เรียนรู้ตั้งแต่ต้นจนจบเหมือนกับที่พวกเราได้เรียรู้ชีวประวัติของนบีท่านอื่นๆ  แต่ขณะเดียวกัน ประวัติศาสตร์ก็ไม่ได้ใจร้ายกับพวกเราจนเกินไปที่ยังได้ทิ้งร่องรอย คำสั่งสอน และปรัชญาต่างๆไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้และกล่าวขาน  ภายหลังจากเจ้าของถ้อยคำเหล่านั้นจากไปแล้วตำราประวัติศาสตร์บางเล่มได้รายงานคำสั่งสอนอันยิ่งใหญ่ และปรัชญาที่มีความสำคัญของนบีอิดรีส (.) ไว้ให้แก่พวกเรา.
            นักรายงานกล่าวว่านบีอิดรีส (.) ได้กล่าวว่า :
            “ เมื่อพวกเจ้าวิงวอนขอดุอาต่ออัลเลาะห์ ตาอาลา  พวกท่านจงทำใจให้บริสุทธ์
            ปรัชญาข้อนี้เชิญชวนเราให้ทำจิตใจให้บริสุทธิ์  ในทุกๆกิจกรรมที่เราลงมือกระทำ หรือทุกๆ คำพูดที่เราพูดออกไป  เพื่ออัลเลาะห์จะตอบรับคำวิงวอนของเรา ขณะที่วิงวอนขอดุอา เช่นเดียวกับที่เราได้เรียนรู้ในศาสนาของเราจากคำดำรัสของอัลเลาะห์ ตาอาลาที่ว่า :
 “ ดังนั้นพวกเจ้าจงวิงวอนขอต่อพระองค์   โดยเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ใจในศาสนาของพระองค์เถิด “ (ฆอฟิร : 65)  และในคำของท่านนบี (.) ที่ได้กล่าวว่า :
กิจกรรมทุอย่างขึ้นอยู่กับเจตนา และทุกคนจะได้รับตามที่เขาตั้งเจตนา “  และนี่ย่อมเป็นเครื่องยืนยันแก่มนุษยชาติว่านบีทั้งหลายนั้นมาจากแหล่งเดียวกันคือมาจากอัลเลาะห์ ตาอาลา .
            นักรายงานหลายท่านได้กล่าวว่านบีอิดรีส (.) ได้กล่าวว่า :
            “ พวกท่านอย่าสาบานเท็จ  อย่าจู่โจมอัลเลาะห์ด้วยคำสาบาน  อย่าใช้ให้คนโกหกสาบาน จะเป็นเหตุให้พวกท่านได้รับบาปร่วมกับพวกเขา
            หมายความว่าการโกหกเป็นบาปใหญ่  และการสาบานเท็จเป็นความผิดที่ศาสนาห้าม  อัลกุรอานได้อธิบายเรื่องสาบานเท็จไว้ในคำดำรัสของอัลเลาะห์ ตาอาลาที่ว่า : “ ท่านทั้งหลายอย่าใช้อัลเลาะห์เป็นข้ออ้างสำหรับการสาบาน (จะไม่ทำความดี) ของพวกท่าน”   (อัลบะกอเราะห์ :  224)  และพวกท่านอย่าขอร้องให้คนโกหกกล่าวคำสาบาน  เพราะพวกเขาจะมีบาปด้วยคำสาบานของพวกเขา  และเมื่อเป็นเช่นนั้นพวกท่านก็จะเป็นผู้มีส่วนร่วมในการทำบาปของคนเหล่านั้นด้วย.
            นบีอิดรีสได้กล่าวไว้อีกว่า :
            “  พวกท่านจงออกห่างไกลจากการประกอบอาชีพที่สกปรก
            หมายความว่าเราจะต้องไม่ดำเนินตามแนวทางที่นำไปสู่อาชีพการงานที่อัลเลาะห์ ตาอาลา ห้าม  และนี่ก็ตรงกับข้อความที่มีปรากฏอยู่ในอัลกุรอานว่า :  “ ท่านทั้งหลายอย่ากินทรัพย์ของพวกท่านในหมู่พวกท่านกันเองโดยทุจริต “  (อันนิซาอ์ : 29)  อาชีพที่สกปรกไม่ได้มีอยู่ในเรื่องของ

เงินทองเท่านั้น   ยกตัวอย่างเช่นในชีวิตของพวกเรานั้นมีอาชีพการงานมีอยู่มากมายและหลากหลาย  ปรัชญาข้อนี้บอกให้เรารู้ว่าเราจะต้องไม่แสวงหาผลประโยชน์ใดๆ ด้วยวิธีการที่สกปรก  แต่เราจะต้องยึดมั่นอยู่กับเส้นทางที่ยุติธรรมเพื่อนำไปสู่สิ่งที่อัลเลาะห์ ตาอาลา อนุมัติแก่พวกเราในชีวิตนี้.
            อิดรีสได้กล่าวว่า :
            “ ปรัชญาคือชีวิตของจิตใจ
            ปรัชญาในที่นี้หมายถึงวิชาการที่มีประโยชน์  เป็นวิชาการที่ลับสมอง  ทำให้สติปัญญาปราดเปรื่อง  วิชาการจะทำให้สติปัญญาเป็นเหมือนตาชั่ง ที่จะใช้แยกแยะความดีออกจากความชั่ว  แยกสิ่งที่ดีงามออกจากสิ่งที่เลวทราม  ด้วยเหตุนี้จิตใจจะทำให้ชีวิตเฟื่องฟูขึ้นอย่างเหมาะสมกับความเป็นมนุษย์  ที่อัลเลาะห์ได้แต่งตั้งให้เป็นผู้แทนของพระองค์ในโลกนี้  อัลกุรอานได้ยืนยันถึงเรื่องนี้แก่พวกเราว่า : “ พระองค์จะมอบวิชาการแก่ผู้ที่พระองค์ประสงค์  และผู้ใดได้รับวิชาการ  ก็เท่ากับว่าเขาได้รับทรัพย์สินอันมากมาย  และจะไม่มีผู้ใดสำนึกนอกจากพวกที่มีสติปัญญาเท่านั้น “ (อัลบะกอเราะห์ : 269)
            และเพราะนบีอิดรีส ทราบดีถึงคุณค่าของความอดทนในชีวิตของมนุษย์  และเพราะชีวิต จะไม่สามารถดำเนินไปอย่างราบรื่นนอกจากต้องมีความอดทน   อิดรีส จึงเชิญชวนมนุษย์ให้มีความอดทน  และเตือนตนเองอยู่เสมอให้มีความอดทนด้วยเช่นเดียวกัน  เขาได้แกะสลักที่หัวแหวนของเขาด้วยถ้อยคำที่เป็นปรัชญาอันยิ่งใหญ่ว่า  :
ความอดทนพร้อมด้วยความศรัทธาต่ออัลเลาะห์จะทำให้ได้รับชัยชนะ
เพราะรายรับที่แท้จริงในชีวิต จะผ่านเข้ามาทางเส้นทางของความอดทน  และความอดทนนั้นถือเป็นมารยาทที่อิสลามเรียกร้องเชิญชวน  และได้แจ้งข่าวดีแก่ผู้มีความอดทนว่าจะได้รับสิ่งที่ดีในบั้นปลายของชีวิต  อัลเลาะห์ ตาอาลาได้ตรัสไว้ในอัลกุรอานว่า : “ และเจ้าจงแจ้งข่าวดีแก่พวกที่มีความอดทนเถิด “  (อัลบะกอเราะห์ : 155)  ในเมื่ออัลเลาะห์ ตาอาลาจะตอบแทนความดีเป็นสิบเท่าถึงเจ็ดร้อยเท่า แต่พระองค์จะตอบแทนความอดทนมากยิ่งกว่านั้นมากมายหลายเท่า อัลเลาะห์ ตาอาลาตรัสว่า :
พวกที่มีความอดทนนั้นจะได้รับผลบุญของพวกเขาโดยสมบูรณ์ อย่างคิดคำนวณไม่ได้
(อัซซุมัร : 10)   เพราะความอดทนคือการเหนี่ยวรั้งจิตใจไม่ให้เตลิดไปตามความปรารถนาของมัน  ไม่ว่าจะเป็นการอดทนในการทำอิบาดะห์ต่ออัลเลาะห์  การปฏิบัติตามสิ่งที่อัลเลาะห์ใช้  อดทนในการยับยั้งจากสิ่งที่อัลเลาะห์ห้าม  หรืออดทนต่อกำหนดของอัลเลาะห์ด้วยความพอใจ  เผชิญกับภัยพิบัติ เหตุแห่งความเศร้าหมองด้วยความพอใจและยอมรับในกำหนดของอัลเลาะห์  และรู้ว่าจะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในจักรวาลนี้  นอกจากเป็นไปตามที่อัลเลาะห์ประสงค์ให้เกิดขึ้น และเป็นไปตามที่

ท่านนบี (.) ได้กล่าวไว้ว่า :  “ พึงทราบเถิดว่าสิ่งที่พลาดไปจากท่านนั้นจะไม่มาประสบกับท่าน และสิ่งที่ประสบกับท่านนั้นจะไม่พลาดไปจากท่าน “  และเช่นที่อัลเลาะห์ ตาอาลาได้ตรัสว่า : “ ไม่มีเคราะห์กรรมใดที่เกิดขึ้นในโลกนี้ และไม่มีที่เกิดขึ้นในตัวของพวกเจ้าเอง นอกจากมีบันทึกไว้แล้วก่อนที่เราจะจะบังเกิดมันขึ้นมา  แท้จริงนั่นเป็นการง่ายสำหรับอัลเลาะห์ “ (อัลฮะดีด : 22)
            และที่เป็นปรัชญาของอิดรีสด้วยเช่นกัน   ก็คือการเชิญชวนให้ประชาชนปฏิบัติตามหน้าที่ที่เป็นฟัรดู ต่างๆ   และปฏิบัติตามบทบัญญัติของศาสนา  และวันรื่นเริง(วันอีด) ที่แท้จริงก็คือวันที่จะทำให้พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย  และเป็นวันที่จะนำศาสนบัญญัติมาปฏิบัติ, และได้ปักไว้ที่เสื้อคลุมของนบีอิดรีส (.ด้วยประโยคที่ว่า :
วันรื่นเริงต่างๆ มีไว้เพื่อการปฏิบัติตามหน้าที่  บทบัญัติมีไว้เพื่อให้ศาสนาสมบูรณ์  ศาสนาจะสมบูรณ์ อยู่ที่ความมีมารยาทสมบูรณ์
นบีอิดรีส ได้กล่าวไว้อีกเช่นกันว่า :
คนที่มีความสุขคือคนที่พิจารณาตนเอง  และสิ่งที่จะช่วยเหลือเขาได้ ณ องค์อภิบาลของเขา  คือกิจกรรมที่ดีงามทั้งหลาย
นี่คือสัจธรรม, ความสุขที่แท้จริงจะเกิดขึ้นไม่ได้ นอกจากต้องทำความดี  และไม่มีอะไรจะเป็นประโยชน์แก่มนุษย์ นอกจากสิ่งที่เขาได้ทำไว้  อัลเลาะห์ ตาอาลาทรงสัจจะที่ได้ตรัสไว้ว่า :
ความจริงมนุษย์จะไม่มีสิทธิ์ได้รับอะไร นอกจากสิ่งที่เขาได้พากเพียรไว้ (39) และแท้จริงสิ่งที่เขาพากเพียรไว้นั้น  เขาก็จะได้เห็น (40) หลังจากนั้นเขาจะได้รับการตอบแทนที่ครบสมบูรณ์ ยิ่ง (41) “  (อันนัจม์)
ปรัชญาข้อนี้เรียกร้องเราให้ประเมิณกิจกรรมต่างๆ ของเรา  พิจารณาเพื่อตัวของเราทั้งกลางวันและกลางคืน  และตรวจสอบตัวเราเองก่อนที่อัลเลาะห์ ตาอาลา  จะสอบสวนเรา.

ผู้แจ้งข่าวดีและแจ้งข่าวร้าย


อิดรีส (.) เป็นผู้แจ้งข่าวดี และแจ้งข่าวร้าย  หน้าที่ของเขาก็เหมือนกับหน้าที่ของนบีทุกๆ ท่าน, เขาจะแจ้งข่าวดีด้วยสัจธรรม ด้วยแสงสว่าง และความดี  และแจ้งข่าวร้ายแก่ผู้ละเมิดและทำบาปด้วยการลงโทษอันเจ็บปวด. อิดรีสได้แจ้งข่าวดีถึงการมาของบรรดานบี และรอซู้ล  ภายหลังจากเขา  และยังได้แจ้งคุณลักษณะ และบุคลิกภาพของพวกเขาให้ประชาชนได้รับทราบ เขาได้กล่าวว่า :
นบีจะเป็นผู้สะอาดปราศจากคุณสมบัติที่ต้อยต่ำ และสิ่งที่น่ารังเกียรติทั้งปวง เป็นผู้มีคุณลักษณะที่ควรแก่การสรรเสริญอย่างครบถ้วน  เขาจะไม่บกพร่องในประการใดๆ ที่ถูกถามทั้ง

เรื่องในโลกนี้ และในชั้นฟ้า  และเขาสามารถบอกได้ถึงทุกสิ่งที่จะมาเยียวยารักษาทุกความเจ็บปวด, และนบีทุกท่านมีคำวิงวอนที่จะถูกตอบสนอง อัลเลาะห์จะตอบสนองทุกคำวิงวอนของนบีที่ได้วอนขอ
            นบี ตามคุณลักษณะดังกล่าวคือนบี  ที่อิดรีส (.) ได้ แจ้งข่าวดีไว้แก่ประชาชนของเขา เช่นเดียวกับที่เขาได้ได้แจ้งถึงลำดับชั้นของมนุษย์รองจากนบีทั้งหลาย ว่ามีสามลำดับชั้นคือ :
-          นักทำอิบาดะห์
-          กษัตริย์
-          และประชาชน
อิดรีสถือว่านักทำอิบาดะห์มีตำแหน่งสูงเหนือกว่ากษัตริย์ เพราะนักทำอิบาดะห์จะวิงวอ
ขอต่ออัลเลาะห์  ขอให้แก่ตัวเขาเอง  ขอให้แก่กษัติย์ และขอให้แก่ประชาชนเขาจะวิงวอนขอให้แก่ทุกๆคน ในขณะเดียวกันเขาก็จะตักเตือนผู้คนให้รำลึกถึงความโปรดปรานต่างๆ ของอัลเลาะห์ที่ได้ประทานให้แก่พวกเขา  และสอนประชาชนให้รู้จักวิธีการแสดงความขอบคุณต่ออัลเลาะห์ที่ได้ให้ความโปรดปรานเหล่านี้แก่พวกเขา.
            ส่วนกษัตริย์นั้นจะไม่วิงวอน  เขาจะไม่ขอต่ออัลเลาะห์ ยกเว้นเพื่อประโยชน์แก่ตัวเขาเองเท่านั้น  คือขออำนาจและทรัพย์สิน, ดังนั้นพวกนักทำอิบาดะห์จึงใกล้ชิดกับอัลเลาะห์ยิ่งกว่ากษัตริย์ และยิ่งกว่าประชาชน.
            ดังกล่าวนี้คือการจัดระเบียบให้แก่สังคม ของท่านนบีอิดรีส (.) และดังกล่าวนั้นคือคำประกาศเชิญชวนของเขา ที่มีทั้งการแจ้งข่าวดี และการแจ้งข่าวร้าย เป็นคำประกาศเชิญชวนสู่ความเที่ยงธรรม บนแนวทางที่ถูกต้อง ซึ่งอัลเลาะห์ประสงค์พัฒนาโลกนี้ให้มีความเจริญรุ่งเรือง เพื่อความผาสุขของมวลมนุษย์.

ภาพลักษณ์ของนบีอิดรีส (.)

ตำราต่างๆ กล่าวว่า : ท่านนบี อิดรีส (.) มีรูปร่างสูงสง่า  มีใบหน้าคมเข้ม  เคราดก  มีกริยามารยาทงดงาม  ไหล่กว้าง  กระดูกใหญ่  เนื้อน้อย  ดวงตามีประกาย  ตาคม  ท่านพูดจาเนิบๆ  ส่วนใหญ่ท่านจะเป็นคนนิ่งเงียบ  ท่านมีอาการสำรวมขณะเดิน  ตามองพื้น ใช้ความคิดมาก ขณะที่ท่านพูดท่านจะกระดิกนิ้วชี้ .
สำหรับชีวิตของนบีอิดรีสนั้นเต็มไปด้วยการต่อสู้ และการประกาศเชิญชวนสู่ศาสนาของอัลเลาะห์ ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกร  ส่วนผลงานของท่าน  มีผู้กล่าวว่าท่านเป็นคนแรกที่พูดถึงเรื่องธรรมชาติการสร้างของอัลเลาะห์  เดชานุภาพของผู้ทรงสร้าง  สิ่งเร้นลับของจักรวาลและเอก

ภพ  หมายถึงเรื่องเทหะวัตถุในท้องฟ้าเบื้องบน  และในการโคจรของดวงดาว  ท่านเป็นคนแรกที่ก่อสร้างสถานที่ทำอิบาดะห์  และกล่าวคำสรรเสริญอัลเลาะห์ในสถานที่เหล่านั้น  เป็นคนแรกที่ให้ความสนใจกับวิชาการแพทย์  ท่านได้ขับโคลงกลอนที่มีจังหวะบังคับ  และเป็นคนแรกที่เตือนว่าจะเกิดน้ำท่วมโลกในยุคของนบีท่านหนึ่งที่จะมีมาภายหลังจากท่าน.
นักวิชาการหลายคนกล่าวว่านบีอิดรีสเป็นผู้สร้างปีรามิดแรกๆ ในที่ราบสูงของอียิปต์  และได้วาดภาพการอุตสาหกรรมต่างๆ ตลอดจนเครื่องมือต่างๆ ไว้ในปีรามิดด้วย  ท่านได้เขียนรายละเอียดของวิชาการต่างๆ ไว้ในปีรามิดเพื่อเก็บรักษาเอาไว้ให้คนยุคหลัง  และกลัวว่าจะหายไปจากโลก  และสูญสลายไปเมื่อเกิดน้ำท่วมโลกขึ้น.

ตำแหน่งอันสูงส่ง


อัลเลาะห์ ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกรได้สดุดีนบีอิดรีส (.) โดยพระองค์ได้ตรัสว่า :
และจงกล่าวถึงเรื่องอิดรีส ที่อยู่ในคัมภีร์เถิด แท้จริงเขาเป็นผู้ศรัทธามั่น และเป็นนบี  และเราได้เทิดเกียรติเขาสู่ตำแหน่งอันสูงส่ง “ (มัรยัม : 56-57)

และเป็นความจริงที่อิดรีส (.) สมควรได้รับตำแหน่งนบี  ความสัจจริง และตำแหน่งอันสูงส่งในสวรรค์ ..  ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น  ? !
เล่ากันว่าอิดรีส (.) ทำงานเป็นคนเย็บผ้า  เขาจะปักเข็มพร้อมกับกล่าวว่า ซุบฮานั้ลลอฮ์ ทุกครั้ง จนไม่มีผู้ใดในโลกนี้จะมีกิจกรรมที่ประเสริฐยิ่งกว่าเขา .. อัลเลาะห์ได้มีโองการมายังเขาว่าความดีที่ลูกหลานอาดัมกระทำนั้นจะถูกยกมามอบให้แก่เขา ..
อิดรีสทำอย่างไรต่อไป  ? !
เขาชอบที่จะทำความดีเพิ่มขึ้น และกล่าวคำตัสบีฮ์ ต่ออัลเลาะห์ ให้มากยิ่งขึ้นไปอีก  เขาปรารถนาตำแหน่งอันสูงส่ง และความโปรดปรานอันใหญ่หลวง ณ พระองค์อัลเลาะห์ผู้อภิบาลสากลโลก .
วันหนึ่งได้มีมะลาอิกะห์ท่านหนึ่งมาหาอิดรีส  เขาได้ขอร้องให้มะลาอิกะห์นำเขาไปให้เห็นความดีของมนุษย์ทั้งหมด .. มะลาอิกะห์จึงพาเขาตระเวนไปทั่วทั้งพื้นปฐพี  โดยเขากล่าวคำตัสบีฮ์ คือ ซุบฮานั้ลลอฮ์ วะบิฮัมดิฮี   ไม่ขาดปาก  หลังจากนั้นอิดรีสได้ขอร้องมะลาอิกะห์ให้พาเขาไปเที่ยวชมขุมนรกและชาวนรก  มะลาอิกะห์ได้พาเขาไปจนถึงนรก  เขาได้เห็นนรก มันยิ่งทำให้เขายำเกรงอัลเลาะห์มากยิ่งขึ้น เพิ่มความศรัทธาต่อพระองค์ให้แก่เขามากขึ้น   และเพิ่มการกล่าวตัสบีฮ์ต่ออัลเลาะห์มากยิ่งขึ้น .. เขาขอร้องมะลาอิกะห์ให้นำเขาไปพบ มะลาอิกะห์แห่งความตายเพื่อขอ
ร่นกำหนดความตายออกไป เพื่อเขาจะได้ทำความดีมากขึ้น และกล่าวตัสบีฮ์ต่ออัลเลาะห์มากยิ่งขึ้น  มะลาอิกะห์ให้เขาขึ้นหลังแล้วพาเขาบินขึ้นไปยังฟ้าชั้นที่สี่  และที่นั่นเขาได้พบกับมะลาอิกะห์แห่งความตาย   ซึ่งอัลเลาะห์ได้บัญชาเขาให้มาเก็บดวงวิญญาณอันบริสุทธิ์ ของอิดรีสที่ฟ้าชั้นที่สี่ มะลาอิกะห์แห่งความตายรู้สึกแปลกใจที่ได้พบอิดรีสอยู่ในฟ้าชั้นที่สี่  และเขาก็ได้เก็บดวงวิญญาณของอิดรีสไป ที่กล่าวนี้เป็นคำพูดของนักบรรยายความหมายอัลกุรอาน (มุฟัซซิรูนและอัลเลาะห์ทรงทราบดีถึงความถูกต้องในเรื่องนี้.
ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (.) ได้แจ้งให้พวกเราทราบว่าท่านได้เห็นนบีอิดรีสอยู่ในฟ้าชั้นที่สี่ ในคืนอิสรออ์ และเมียะอ์รอจ.
ขออัลเลาะห์ได้โปรดประทานความเมตตาแก่อิดรีสนบีผู้สะอาดบริสุทธิ์ ผู้กล่าวคำตัสบีฮ์ พร้อมด้วยสรรเสริญอัลเลาะห์ ทุกลมหายใจตลอดชีวิตของท่าน.
ทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่ตำรับตำราทั้งหลายได้กล่าวถึงนบีอิดรีส (.)ซึ่งเราได้นำมาเล่าต่อ โดยที่เราทราบดีว่าบรรดานบีของอัลเลาะห์ และผู้ที่ได้รับแนวทางของบรรดานบี และปฏิบัติงานเหมือนที่พวกเขาปฏิบัติ และเจริญรอยตามพวกเขา แท้ที่จริงพวกเขากำลังปฏิบัติหน้าที่อันยิ่งใหญ่เพื่อมนุษยชาติทั้งปวง  และรับใช้การดำเนินชีวิตของมนุษย์  ด้วยการนำเสนอปรัชญา คำสั่งสอนที่จะทำให้จิตใจและเรือนร่างของมนุษย์สงบนิ่งอยู่กับหลักศรัทธาที่ถูกต้อง  และการงานที่ให้ผลผลิต และมีความบริสุทธิ์ใจที่จะยกคุณภาพชีวิตให้เจริญรุ่งเรืองขึ้น.
เราทราบดีว่านบีทั้งหลายประดุจดังดวงประทีป  ที่พวกเขาจะทำหน้าที่ชี้นำขบวนการพัฒนา และวางแผนอย่างชัดเจนสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง  และที่จะเกิดผลตามมาก็คือความผาสุขของมวลมนุษย์นั่นเอง.
ภายหลังจากบรรดานบี ก็มาถึงบทบาทของนักวิชาการที่เรียกว่า อุละมาอ์  ทั้งหลายซึ่งพวกเขาเป็นทายาทที่รับมรดกทางวิชาการมาจากบรรดานบีทั้งหลาย  พวกเขากำลังถือคบไฟนำทาง และเตือนมนุษย์ให้ระวังกลอุบายต่างๆ ของชัยตอน ที่เป้าหมายของมันอยู่ที่การทำลายสายสัมพันธ์ที่ดีระหว่างมนุษย์กับมนุษย์  และทำลายล้างทุกสิ่งที่มนุษย์ได้ใช้สติปัญญาสร้างสสรรค์ไว้.
นี่คือชีวประวัติของท่านนบีอิดรีส (.) เป็นห่วงหนึ่งจากสายโซ่นบีของอัลเลาะห์ ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างอาดัม กับนัวฮ์ (.) ที่อิดรีสได้กล่าวเตือนผู้คนว่าจะมีนบีท่านหนึ่งมา และจะเกิดน้ำท่วมโลกขึ้นในยุคของเขา นั่นคือเรื่องราวที่จะได้นำเสนอต่อไป  อินชาอั้ลลอฮ์.



 ฉบับต่อไปเป็นประวัติของนบีนัวฮ์ (.)





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น