นัวฮ์ ผู้พ่ายแพ้ที่ได้รับชัยชนะ
อายุขัยของมนุษย์สำหรับการใช้ชีวิตในโลกดุนยานี้
ไม่อาจวัดเป็นนาที และชั่วโมง และไม่อาจคิดเป็นวัน เป็นเดือนและเป็นปี
ที่มนุษย์ได้ใช้หมดไปบนโลกใบนี้ .
แต่อายุขัยของมนุษย์นั้นจะถูกวัดด้วยผลงานอันยิ่งใหญ่ที่เขาได้ทำไว้ และด้วยผลผลิตที่ดีจากน้ำมือทั้งสองข้างของเขา
และด้วยจริยธรรมอันสูงส่ง
และจากการกระทำที่ทำให้ต้องกล่าวขวัญถึงเขาอยู่ตลอดไป โดยจะมีเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ความเสียสละ ความมุ่งมั่น และความกล้าหาญ
ส่องสว่างอยู่ในการกระทำเหล่านั้น.
มีคนลุ่มหนึ่งที่อัลเลาะห์ ตาอาลาได้เลือกพวกเขามา
คนกลุ่มนั้นก็คือบรรดานบี ทั้งหลาย ซึ่งนบีทุกท่านมีคุณลักษณะอันสูงส่ง มีความมุ่งมั่นสูง มีความอดทนเป็นเลิศ
และทำหน้าที่ประกาศเชิญชวนสู่ศาสนาของอัลเลาะห์ ด้วยความตั้งใจ ขยันขันแข็ง
และด้วยความกล้าหาญอย่างยิ่ง
ไม่ว่าพวกเขาจะเผชิญกับอุปสัก ความยากลำบากอย่างไรก็ตาม
อีกทั้งต้องได้รับความกระทบกระเทือนใจจากการปฏิเสธและไม่ยอมรับจากประชาชน.
นบีท่านหนึ่งจากบรรดานบีที่เป็นแบบฉบับอันสูงส่งยิ่งในด้านความมีใจกว้าง มีความอดทนเป็นเยี่ยม มีความสุขุม
มีขันติไม่โกรธเคือง
ท่านเป็นนบีที่ยิ่งใหญ่ เป็นศาสนทูตที่ประเสริฐ นบีท่านนั้นคือนบีนัวฮ์ (อ.ล)
ท่านเป็นต้นแบบของความอดทน
เป็นที่ยอมรับในด้านการเสียสละ
และรับใช้ประชากรของท่าน
ให้คำแนะนำสั่งสอนแก่พวกเขา
มีขันติต่อการคุกคามของพวกเขา และไม่โกรธเคืองที่พวกเขาเหล่านั้นปฏิเสธ
และไม่ยอมรับคำตักเตือนสั่งสอนของท่าน
ด้วยเหตุนี้ท่านจึงเป็นผู้หนึ่งจากบรรดานบีที่อัลกุรอานได้ขนานนามพวกเขาว่า
อุลุ้ลอัซมิ (ศาสนทูตผู้มีความมุ่งมั่นอย่างแท้จริง) อัลเลาะห์
ตาอาลาได้โต้ตอบกับนบีของพระองค์คือท่านนบี มุฮำหมัด (ซ.ล) ให้เจริญรอยตามพวกเขา พระองค์ตรัสว่า : “ เจ้าจงมีความอดทน เช่นเดียวกับบรรดาศาสนทูตที่มีหัวใจเด็ดเดี่ยวมีความอดทนเถิด
“ (อัลอะห์ก๊อฟ : 35)
ต่อไปนี้ขอให้พวกเราได้ใช้ช่วงเวลาที่ดีงามอยู่กับชีวประวัติของนบีผู้ประเสริฐ
และยิ่งใหญ่ท่านนี้เถิด.
เขาเป็นใคร
?
นัวฮ์ (อ.ล) เป็นนบีท่านที่สาม ภายหลังจากอาดัม และอิดรีส ขอความสันติจงมีแด่ทุกท่าน
เขาถือกำเนิดมาจากสายของนบีอิดรีส
เท่ากับอิดรีสเป็นปู่ของเขา
และอาดัมเป็นปู่ทวดของเขา.
นบีนัวฮ์ (อ.ล) เกิดมาในช่วงเวลาที่ผู้คนทั้งหลายเชื่อมั่นในสิ่งภาคีต่ออัลเลาะห์
และเนรคุณต่อความโปรดปรานของพระองค์
พวกเขาเคารพสักการะรูปปั้น รูปเคารพที่พวกเขาได้แกะสลักมาจากก้อนหิน
และจากท่อนไม้
พวกเขาได้ขนานนามรูปปั้นเหล่านั้นด้วยชื่อต่างๆ มากมายหลายชื่อ
ตามที่อัลกุรอานได้กล่าวถึงในหลายแห่งด้วยกัน
และได้บอกให้พวกเราได้รับทราบถึงชื่อต่างๆ เหล่านั้นอันได้แก่ :
วัดด์ – สุวาอ์ – ยะฆูซ –
ยะอูก – และ นัสร์.
ในเมื่อการตั้งภาคีต่ออัลเลาะห์เป็นบาปใหญ่ที่มีภัยร้ายแรง
และอัลเลาะห์มีความชิงชังพวกที่ตั้งภาคีที่เรียกว่าพวก มุชริกีน เป็นอย่างยิ่ง, แต่ด้วยความเมตตาอันกว้างขวางของอัลเลาะห์พระองค์
พระองค์จึงได้ส่งศาสนทูตมาเพื่อแจ้งข่าวดี แก่พวกที่ศรัทธา และข่าวร้ายแก่พวกที่ไร้ศรัทธา
ทั้งนี้เพื่อไม่ให้มนุนุษย์มีหลักฐานที่จะใช้เป็นข้อแก้ตัวกับอัลเลาะห์ว่าพวกเขาไม่รู้จัก อัลเลาะห์
เพราะไม่มีศาสนทูตมาแจ้งข่าวแก่พวกเขาเลย.
อัลเลาะห์ ได้ส่งนบีนัวฮ์ มายังพวกพ้องของเขา เพื่อมาตักเตือนและแจ้งข่าวดีแก่พวกเขา เชิญชวนพวกเขาสู่การเคารพภักดีต่ออัลเลาะห์เพียงผู้เดียว
โดยไม่มีคู่ภาคีใดๆ สำหรับพระองค์
ชี้นำพวกเขาสู่เส้นทางที่ดีงาม
และชี้แจงเส้นทางที่เที่ยงธรรมให้แก่พวกเขา เป็นเส้นทางที่จะนำพวกเขาสู่ความพอพระทัยของผู้อภิบาลสากลโลก.
แต่ … เป็นธรรมดาของการเชิญชวนสู่ความดี
ที่จะต้องมีผู้ต่อต้าน พวกพ้องของนบีนัวฮ์ ปฏิเสธคำเชิญชวนของเขา ปะทะคารม และโต้เถียง โดยกล่าวว่า :
นัวฮ์
เจ้ามิได้มีฐานะร่ำรวยกว่าพวกเรา
แล้วอัลเลาะห์จะส่งเจ้ามาเป็นศาสนทูตได้อย่างไร !, และเจ้าก็ไม่ได้มีเกียรติมากกว่าพวกเรา แล้วเจ้าจะมาแนะนำ และชี้นำพวกเราได้อย่างไร !
พวกเขาปฏิเสธ และไม่ยอมรับให้คนอย่างนัวฮ์
มาเป็นผู้ชี้นำพวกเขาสู่ความดี
ความยโสโอหัง และความดื้อดึงผลักดันพวกเขาให้เรียกร้องจากนบีนัวฮ์
ด้วยข้อเรียกร้องที่แปลกประหลาด ที่ผู้เป็นศาสนทูตผู้ประเสริฐ
และนบีผู้ได้รับการแต่งตั้งให้มาชี้ทางนำที่ถูกต้องแก่มนุษย์
ไม่สามารถรับข้อเรียกร้องนั้นได้.
พวกนั้นเรียกร้องจากนัวฮ์ว่า : โอ้ นัวฮ์
ถ้าหากเจ้าต้องการให้พวกเราศรัทธาต่อการเป็นศาสนทูตของเจ้า
และปฏิบัติตามคำประกาศเชิญชวนของเจ้า, ดังนั้นเจ้าจงขับไล่คนยากจนที่มีศรัทธาต่อเจ้าไปเสียให้พ้น และเจ้าอย่าหวังเลยว่าพวกเราจะดำเนินตามเจ้า
ตราบที่ยังมีพวกที่ศรัทธาต่อเจ้าเป็นคนชั้นต่ำ
เพราะเป็นไปไม่ได้ที่คนชั้นสูงและคนชั้นต่ำจะอยู่ร่วมกันภายใต้หลักศรัทธาเดียวกัน.
นัวฮ์ (อ.ล) ไม่ยอมรับข้อเรียกร้องที่บิดเบี้ยวนี้
และเขายังคงประกาศเชิญชวนพวกนั้นอย่างไม่ย่อท้อ และเบื่อหน่าย เขาวอนขอต่ออัลเลาะห์
ให้มีชัยเหนือพวกนั้น เขาขอพรจากอัลเลาะห์
ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกร
และเขาได้ร้องทุกข์กับพระองค์ ในสิ่งที่พวกนั้นได้กระทำต่อเขา อัลกุรอาน
ได้บรรยายบางส่วนจากเหตุการณ์เหล่านี้ให้พวกเราได้รับทราบ องค์อภิบาลของเราได้กล่าวว่า : “ นัวฮ์
ได้กล่าวว่าแท้จริงพวกพ้องของฉันได้ขัดขืนฉัน และกล่าวหาว่าฉันโกหก พวกที่อ่อนแอปฏิบัติตามคนชั้นนำ
ที่ทรัพย์สินและบริวารของพวกเขาไม่ได้ทำให้พวกเขาเพิ่มพูนใดๆ นอกจากเพิ่มความหลงผิดมากยิ่งขึ้นในโลกนี้ และเพิ่มพูนการลงโทษในโลกหน้าอาคิเราะห์ พวกคนชั้นนำได้ใช้กลอุบายใหญ่หลวง
หลอกลวงคนที่อ่อนแอกว่าโดยกล่าวว่า
พวกเจ้าอย่าละทิ้งการเคารพสักการะพระเจ้าทั้งหลายของพวกเจ้า แล้วหันไปเคารพสักการะอัลเลาะห์องค์เดียวตามที่นัวฮ์
ประกาศเชิญชวน พวกเจ้าจะต้องไม่ผละจาก
วัดด์ สุวาอ์ ยะฆูซ
ยะอูก และนัสร์
เหล่านี้เป็นชื่อรูปเคารพที่พวกเขาเคารพสักการะอื่นจากอัลเลาะห์ “ (นัวฮ์ : 21 - 23)
เช่นเดียวกับที่อัลกุรอานได้เล่าเรื่องราวตั้งแต่เริ่มส่งนัวฮ์ (อ.ล) ไปยังพวกพ้องของเขาว่า : “ แท้จริงเราได้ส่งนัวฮ์
ไปยังพวกพ้องของเขา นัวฮ์
ได้กล่าวแก่พวกพพ้องของเขาว่า
แท้จริงฉันเป็นผู้มาเตือนพวกท่านให้ระวังการลงโทษของอัลเลาะห์
เป็นผู้อธิบายให้พวกท่านทราบถึงสิ่งที่ฉันถูกส่งมายังพวกท่านอันได้แก่ข้อใช้และข้อห้ามของพระองค์
อัลเลาะห์มีบัญชามายังพวกท่านมิให้เคารพสักการะสิ่งใดนอกจากอัลเลาะห์เท่านั้น แท้จริงฉันกลัวการลงโทษในวันที่แสนเจ็บปวดจะเกิดกับพวกท่าน
ถ้าหากพวกท่านไม่เคารพสักการะอัลเลาะห์แต่เพียงผู้เดียว “ (ฮูด : 25 - 31)
อัลกุรอานได้เล่าให้พวกเราทราบถึงรายละเอียดของชีวประวัติที่ดีงามยิ่ง
นั่นคือชีวประวัติของท่านบรรดานบีทั้งหลาย
เพื่อให้พวกเขาเป็นแบบอย่างของมนุษยชาติในด้านความอดทน
การยืนหยัดทำหน้าที่ในการประกาศศาสนา
และพึ่งพาอัลเลาะห์ในยามยากและเดือดร้อน.
การโต้เถียง
… มีอยู่ตลอด
นัวฮ์ (อ.ล) มีความอ่อนน้อมต่อพวกพ้องของเขา โดยเฉพาะต่อคนที่ร่ำรวยของพวกเขา นัวฮ์ เปิดโอกาสให้มีการโต้เถียงและซักถาม เป้าหมายของการโต้เถียงและซักถามก็คือ
นัวฮ์ต้องการอธิบายให้พวกเขาแยกแยะได้ว่าอะไรคือความจริงและอะไรคือความเท็จ และต้องการยก
อุธาหรณ์ห้แก่พวกเขาได้พิจารณา
และชี้นำพวกเขาให้ใคร่ครวญถึงความมหัศจรรย์ในการสรรค์สร้างของอัลเลาะห์ ซึ่งโดยเดชานุภาพและความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ได้สร้างพวกเขาขึ้นมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และได้ให้พวกเขาผ่านช่วงต่างๆ ของชีวิตตั้งแต่วัยเด็ก วัยหนุ่ม
วัยกลางคน และวัยชราจนแก่เฒ่า
บางคนกลับคืนสู่วัยที่ตกต่ำนั่นคืออยู่ในสภาพที่หลงลืม เหล่านั้นมิใช่เครื่อง ยืนยันถึงเดชานุภาพของอัลเลาะห์ที่มนุษย์ควรจะนำมาพิจารณาตัวเองหรือ, เมื่อพิจารณามนุษย์ก็จะรู้ความจริงของชีวิตว่ามันเริ่มต้นขึ้นอย่างไร และจะจบลงอย่างไร …
ความจริงการที่นัวฮ์ให้ความสำคัญกับพวกพ้องของเขา
และมีความอดทนต่อพฤติกรรมของพวกเขานั้นถือเป็นความเมตตาจากเอกองค์อัลเลาะห์
เป็นการยกย่องให้เกียรติ เป็นความโปรดปรานและเป็นความกรุณาจากพระองค์ เพราะอัลเลาะห์เป็นผู้สร้าง
พระองค์รู้จักนิสัยบ่าวของพระองค์เป็นอย่างดี
พระองค์จึงส่งนบีที่มีจิตใจกว้างขวางและมีความขันติสูงมายังพวกเขา สนทนา โต้เถียงกับพวกเขาด้วยเหตุด้วยผล
ด้วยวิทยปัญญา และด้วยคำสั่งสอนตักเตือนที่ดีงาม
นบีนัวฮ์ถามพวกเขาเช่นเดียวกับที่ครูสอนศิษย์
ที่มีความปราถนาประการเดียวเท่านั้นคือให้ผู้ที่ถูกถามได้รับทางนำที่ถูกต้อง
และสิ่งที่ดีงาม นบีนัวฮ์ถามพวกเขาว่า :
- ยังมีผู้สร้างอื่นนอกจากอัลเลาะห์ ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกรอีกหรือ ?
รูปปั้นเหล่านี้ที่พวกท่านตั้งชื่อด้วยนามต่างๆ กันนั้น อัลเลาะห์ไม่ได้ประทานหลักฐานใดๆ
มายืนยันให้พวกเจ้าเคารพบูชา สามารถให้คุณให้โทษได้หรือ
และสามารถช่วยเหลือพวกเจ้าให้พ้นจากการลงโทษของอัลเลาะห์ได้หรือ ?
พวกเขาจนปัญญาที่จะโต้ตอบ
พวกเขาไม่มีคำตอบให้แก่นบีนัวฮ์ (อ.ล) เพราะธรรมชาติบริสุทธิ์ของพวกเขา
และของมนุษย์ทุกคนต่างก็กล่าวว่า ไม่มีผู้สร้างใดอีกเว้นแต่อัลเลาะห์เท่านั้น.
นัวฮ์ ถามอีกว่า :
- ผู้มีปัญญาทั้งหลาย จะเหมาะสมแก่พวกเจ้าหรือ
ที่พวกเจ้าจะเคารพสักการะรูปปั้นที่พวกเจ้าสร้างขึ้นมาด้วยมือของพวกเจ้าเอง โดยที่อัลเลาะห์ยกย่องให้เกียรติพวกเจ้าเหนือสรรพสิ่งทั้งปวง
และให้พวกเจ้ามีสติปัญญาที่จะสามารถแยกได้ว่าอะไรคือสัจธรรม
และอะไรเป็นสิ่งโป้ปดมดเท็จ
อัลเลาะห์ใช้ให้มวลมะลาอิกะห์โค้งคำนับพวกเจ้าขณะที่พวกเจ้าอยู่ในไขสันหลังบรรพบุรุษของพวกเจ้าคืออาดัม จะบังควรไหมที่พวกเจ้าจะเคารพสักการะสิ่งอื่นจากอัลเลาะห์
ซึ่งพระองค์เป็นผู้ประทานความโปรดปรานอย่างมากมายให้แก่พวกเจ้าทั้งภายนอกและภายใน
และสอนให้พวกเจ้ารู้สิ่งที่พวกเจ้าไม่เคยมีความรู้มาก่อน ?.
จะรับกับสติปัญญาหรือที่มนุษย์จะหันเหออกไปจากธรรมชาติบริสุทธิ์
และเคารพสักการะก้อนหินที่มองไม่เห็น
ไม่ได้ยิน ไม่ให้คุณ และไม่ให้โทษ?
แล้วผลลีพธ์เป็นอย่างไร ?
พวกพ้องของนัวฮ์ ตอบโต้เขาอย่างไร ?
พวกเขายังคงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำถามเหล่านี้ซึ่งพวกเขาไม่มีความประสงค์จะยอมรับคำตอบที่ถูกต้องของมัน พวกเขทำร้ายนัวฮ์ (อ.ล) ล่วงละเมิดเขา
พวกที่โอหังและหยิ่งยโสใช้กลอุบาย
และวางแผนสกปรกเพื่อป้ายสีเขา ..
พวกเขามีมติร่วมกันที่จะแพร่ข่าวในหมู่ประชาชนว่านัวฮ์
เป็นผู้ที่ไม่มีความสามารถรับผิดชอบ เพราะเขาเป็นบุคคลที่ไม่สมบูรณ์ !! แล้วอัลเลาะห์จะแต่งตั้งเขา
และส่งเขามาเป็นศาสนทูตชี้นำประชาชนได้อย่างไร .. เป็นเรื่องประหลาดมาก
..
อัลกุรอานได้ได้กล่าวตอบโต้คำพูดของพวกเขาดังกล่าวนี้ว่า :
“ พวกเจ้าประหลาดใจหรือ
การที่มีคำตักเตือนจากพระเจ้ามายังพวกเจ้าโดยผ่านชายคนหนึ่งในหมู่พวกเจ้า เพื่อพวกเจ้าจะได้ยำเกรง และเพื่อพวกเจ้าจะได้รับความเอ็นดูเมตตา “
(อัลอะอ์รอฟ : 63) แต่พวกเขาก็เป็นเช่นที่อัลกุรอานได้บรรยายลักษณะของพวกเขาไว้ว่า :
“ โอ้ นัวฮ์ ท่านได้โต้เถียงกับพวกเรามา และท่านได้โต้เถียงกับพวกเราอย่างมากมาย
ดังนั้นท่านจงนำสิ่งที่ท่านได้สัญญาไว้กับพวกเรามาเถิด ถ้าหากท่านเป็นผู้ที่มีสัจจะ (ฮูด : 32) นัวฮ์
(อ.ล) ได้ตอบพวกเขา
ตามที่อัลกุรอานได้เล่าให้พวกเราได้รับทราบว่า : “ นัวฮ์
กล่าวว่าแท้จริงอัลเลาะห์จะนำมันมาให้เกิดกับพวกเจ้าอย่างแน่นอน
ถ้าหากพระองค์ประสงค์
และพวกเจ้าจะไม่สามารถรอดพ้นไปได้ (33) และคำสั่งสอนของฉันจะไม่เกิดประโยช์แก่พวกเจ้า ตามที่ฉันปรารถนาสั่งสอนพวกเจ้า หากอัลเลาะห์ประสงค์ให้พวกเจ้าหลงผิด พระองค์คือพระเจ้าของพวกเจ้า และพวกเจ้าจะถูกนำกลับไปยังพระองค์ (34) (ฮูด)
ความโกรธของผู้มีขันติ
นัวฮ์ (อ.ล) มีชีวิตอยู่ร่วมกับพวกพ้องของเขาเป็นเวลาเก้าร้อยห้าสิบปี
ประกาศเชิญชวนพวกเขาสู่การเคารพสักการะอัลเลาะห์ผู้เป็นพระเจ้าของมนุษยชาติเพียงองค์เดียว
ผู้ทรงเอกกะ และตักเตือนพวกเขาถึงฟากฟ้าและสิ่งที่มีอยู่ในมัน
ตักเตือนพวกเขาถึงแผ่นดินและสิ่งที่มีอยู่บนมัน แต่คำประกาศเชิญชวนของเขาไม่ได้รับการตอบสนอง
นอกจากความเย็นชาและคำปฏิเสธ พวกเขาใช้นิ้วอุดหูจนไม่ได้ยินคำพูดนัวฮ์ ใช้ผ้าผูกตาเพื่อไม่ให้เห็นนัวฮ์
ขณะที่เขาเดินปะปนอยู่กับพวกเขาทั้งยามเช้าและยามเย็น คล้ายกับพวกเขากลัวว่าคำประกาศเชิญชวนของเขาจะกระทบความคิดและสติปัญญาของพวกเขา
พวกเขาสร้างกำแพงและเครื่องกีดขวางระหว่างเขากับนัวฮ์ เพื่อคำพูดของนัวฮ์ที่อ่อนหวานใดๆ
จะไม่สามารถเจาะทะลุสู่ความคิดของพวกเขาได้ซึ่งจะทำให้หัวใจของพวกเขาโน้มเอียง
ถึงแม้หัวใจของพวกเขาจะเหมือนก้อนหินที่มืดบอดแล้วก็ตาม.
แต่นัวฮ์ ไม่สิ้นหวัง
ความเหน็ดเหนื่อย และความเบื่อหน่ายไม่เคยเกิดขึ้นกับจิตใจของเขา เขายังคงทำหน้าที่ตักเตือนและแนะนำด้วยสัญลักษณ์ต่างๆ
ของอัลเลาะห์ ยังคงประกาศเชิญชวนสู่การเคารพสักการะอัลเลาะห์เพียงผู้เดียว พระองค์เพียงผู้เดียวเป็นผู้สร้าง เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ.
ก็เหมือนกับนบีทุกๆ
ท่านไม่มีทางที่ความสิ้นหวังจะเกิดขึ้นในจิตใจของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเป็นศาสนทูตที่มีความตั้งใจแน่วแน่ที่เรียกว่า
“ อุลุ้ลอัซมิ “
เช่นนัวฮ์ (อ.ล) เพราะความสิ้นหวังเป็นลักษณะต่ำต้อยที่จะมีก็แต่เฉพาะคนที่ล้มเหลวเท่านั้น
ผู้ซึ่งจะก้าวถอยหลังเมื่อเผชิญกับอุปสักในเส้นทางที่เขาเดิน ส่วนนบีของอัลเลาะห์ และผู้ยิ่งใหญ่นั้น
ความวางใจในอัลเลาะห์เจ้าของพวกเขาจะผลักดันพวกเขาให้ต่อสู้และบากบั่นเดินไปอย่างไม่ย่อท้อ
และท้าทายไม่ว่าจะมีอุปสักมากมายเพียงใดก็ตาม
เพราะหน้าที่ของนบีคือการต่อสู้เพื่อทำให้มนุษยชาติมีความสุข และประกาศสัจธรรมให้ทั่วถึง เหมือนอย่างที่ลงมาจากเอกองค์อัลเลาะห์.
นัวฮ์ ไม่ท้อถอย, เขาวิงวอนต่ออัลเลาะห์ว่าความจริงฉันพ่ายแพ้ ขอท่านได้โปรดให้ได้รับชัยชนะ
ข้าแด่องค์อภิบาลโปรดอย่าได้ปล่อยให้มีผู้ไร้ศรัทธาสักคนมีชีวิตอยู่บนผืนแผ่นดิน
เพราะถ้าหากท่านปล่อยพวกเขาไว้
พวกเขาจะทำให้บ่าวของท่านหลงผิด
และพวกเขาจะให้กำเนิดผู้ที่ชั่วช้า และทรยศต่อพระองค์.
อัลกุรอานได้เล่าให้พวกเราฟังถึงท่าทีเหล่านี้ไว้ในคำดำรัสของพระองค์ที่ว่า
:
“ และได้มีบัญชามายังนัวฮ์ว่าจะไม่มีผู้ใดจากพวกพ้องของเจ้าศรัทธา นอกจากผู้ที่ได้ศรัทธามาก่อนแล้ว ดังนั้นท่านอย่าหมดหวังในสิ่งที่พวกเขาได้ก่อขึ้น
“ (อูด : 36)
เช่นเดียวกับที่อัลกุรอานได้เล่าประวัตินี้ไว้โดยสังเขปในซูเราะห์นัวฮ์
ซึ่งไม่ได้กล่าวถึงเรื่องอื่นเลยนอกจากเรื่องนี้เท่านั้นตั้งแต่ต้นจนจบ การอ่านซูเราะห์นี้เป็นคำตักเตือน เป็นคำสอน
เป็นอุธาหรณ์ และเป็นประวัติของพวกพ้องนบีนัวฮ์ว่าจุดจบของพวกเขาเป็นอย่างไร อัลเลาะห์ตาอาลาตรัสว่า :
“ แท้จริงเราได้ส่งนัวฮ์ไปยังพวกพ้องของเขาว่าเจ้าจงเตือนพวกพ้องของเจ้าก่อนที่การลงโทษอันเจ็บปวดจะมีมายังพวกเขา
(1) นัวฮ์กล่าวว่า โอ้พวกพ้องของฉัน
แท้จริงฉันมาเป็นผู้ตักเตือนแจกแจงแก่พวกเจ้า
(2) ว่าพวกเจ้าจงเคารพสักการะอัลเลาะห์ จงยำเกรงพระองค์ และจงเชื่อฟังเรา (3) พระองค์จะอภัยโทษบาปต่างๆ ของพวกเจ้า
และจะทรงผ่อนผันพวกเจ้าจนถึงวาระที่ถูกกำหนดไว้ แท้จริงวาระของอัลเลาะห์นั้นเมื่อมาถึงแล้ว
มันจะไม่ร่นออกไปอีก หากพวกเจ้ารู้ (4)
เขากล่าวว่าข้าแด่องค์อภิบาลของฉัน
แท้จริงฉันได้เรียกร้องเชิญชวนหมู่ชนของฉันให้มาศรัทธาต่อท่านทั้งกลางวันและกลางคืน
(5) แต่การเรียกร้องเชิญชวนของฉัน
ไม่ได้เพิ่มพูนสิ่งใดแก่พวกเขาเลย นอกจากการเผ่นหนี (6) และแท้จริงทุกครั้งที่ฉันเรียกร้องเชิญชวนพวกเขา
เพื่อที่พระองค์ท่านจะอภัยโทษให้แก่พวกเขา
พวกเขาได้ใช้นิ้วอุดหูของพวกเขา
และใช้เสื้อผ้าของพวกเขาคลุมโปง และพวกเขาก็ดื้อรั้น และแสดงความยโสโอหัง
อย่างยิ่ง (7) ต่อมาแนได้เรียกร้องเชิญชวนพวกเขาอย่างเปิดเผย
(8) ต่อมาฉันก็ได้เปิดเผยแก่พวกเขา
และได้เรียกร้องพวกเขาอย่างลับๆ อีกด้วย (9) ฉันได้บอกแก่พวกเขาว่า
พวกเจ้าจงวิงวอนขออภัยโทษต่อองค์อภิบาลของพวกเจ้าเถิด เพราะพระองค์ทรงอภัยยิ่ง (10)
พระองค์จะประทานฝนลงมายังพวกท่านอย่างมากมาย (11) และพระองค์จะสนับสนุนพวกเจ้าด้วยทรัพย์สิน และลูกหลาน
พระองค์จะให้พวกท่านมีเรือกสวนมากมาย และให้พวกท่านมีสายน้ำหลายสาย (12) ไม่บังควรเลยที่พวกเจ้าจะไม่สำนึกถึงความน่ายำเกรงของอัลเลาะห์ (13)
และแท้จริงพระองค์ได้สร้างพวกเจ้าขึ้นมาตามขั้นตอนต่างๆ (14) พวกเจ้าไม่เห็นหรือว่าอัลเลาะห์ได้สร้างฟ้าทั้งเจ็ดขึ้นมาเป็นชั้นๆ
อย่างไร (15) พระองค์ให้ดวงจันทร์มีแสงนวล และให้ดวงอาทิตย์มีแสงเจิดจ้า
(16) และอัลเลาะห์ให้พวกเจ้างอกเงยขึ้นมาจากผืนดิน
เช่นพืชผัก (17) หลังจากนั้นพระองค์จะให้พวกเจ้ากลับคืนไปสู่ผืนดิน
และให้พวกเจ้าออกมาจากผืนดินอีกครั้งหนึ่ง (18) และอัลเลาะห์ได้ให้แผ่นดินราบเรียบกว้างใหญ่สำหรับพวกเจ้า
(19) เพื่อพวกเจ้าจะสัญจรไปตามช่องทางที่กว้างขวาง (20)
นัวฮ์ ได้กล่าวว่าข้าแด่องค์อภิบาลของฉันแท้จริงพวกเขาฝ่าฝืนฉัน
และเชื่อฟังผู้ที่ทรัพย์สินของเขาและลูกหลานของเขาไม่ได้เพิ่มพูนสิ่งใดแก่เขานอกจากความขาดทุนเท่านั้น
(21) และพวกเขาได้ใช้กลอุบายอันยิ่งใหญ่ (22) และพวกเขาได้กล่าวกันเองว่า พวกเจ้าอย่าทิ้งพระเจ้าของพวกเจ้า
และพวกเจ้าอย่าทิ่ง วัดด์ อย่าทิ้งสุวาอ์ อย่าทิ้งยะฆูส ยะอูก และนัสร์ เป็นอันขาด
(เหล่านี้เป็นชื่อรูกเคารพของพวกเขา (23) และความจริงพวกเขาได้ทำให้คนส่วนใหญ่หลงผิด
และขอพระองค์ท่านได้โปรดอย่าเพิ่มพูนสิ่งใดให้แก่พวกที่ละเมิดนอกจากความหลงผิดเท่านั้น
(24) เพราะความผิดพลาดมากมายของพวกเขา
พวกเขาจึงถูกทำให้จมน้ำ และถูกนำเข้าขุมนรก
ดังนั้นพวกเขาจะไม่พบว่ามีใครช่วยเหลือพวกเขาได้นอกจากอัลเลาะห์เท่านั้น (25)
และนัวฮ์
ได้กล่าวว่าข้าแด่องค์อภิบาลของฉันของพระองค์ท่านได้โปรดอย่าปล่อยให้พวกที่ไร้ศรัทธาหลงเหลือบนหน้าแผ่นดินสักคนเดียว
(26) เพราะแท้จริงถ้าหากพระองค์ท่านปล่อยพวกเขาไว้
พวกเขาจะทำให้บ่าวของท่านหลงผิด
และพวกเขาจะไม่ให้กำเนิดนอกจากผู้ที่เลวทรามและไร้ศรัทธาเท่านั้น (27) ข้าแด่องค์อภิบาลของฉัน
ขอพระองค์ท่านได้โปรดอภัยโทษให้แก่ฉัน บิดามารดาของฉัน
และผู้ที่เข้ามาในบ้านของฉันอย่างมีศรัทธา และแก่ผู้มีศรัทธาทั้งชายและหญิง
และขอพระองค์ท่านได้โปรดอย่าเพิ่มพูนสิ่งใดให้แก่พวกที่ละเมิด
นอกจากความพินาศหานะเท่านั้น (นัวฮ์ :1 - 28)
อัลเลาะห์ ตาอาลาตอบสนองคำวิงวอนของนัวฮ์ (อ.ล) และพระองค์ได้มีโองการมายังเขาให้สร้างเรือที่จะเป็นเหตุให้พวกที่มีศรัทธาที่อยู่พร้อมกับเขารอดพ้นจากหายนะ
เพื่อพวกเขาจะไม่ต้องพินาศไปพร้อมกับพวกที่ต้องพินาศ.
นัวฮ์
สร้างเรือ
อัลเลาะห์ ได้บัญชานบีของพระองค์ให้สร้างเรือ การสร้างเรือต้องอาศัยความชำนาญ ความประณีต และความพิถีพิถัน กล่าวกันว่านัวฮ์
เป็นผู้มีความชำนาญในการก่อสร้างด้วยไม้, เขาเริ่มปฏิบัติตามคำบัญชาของอัลเลาะห์
และดำเนินการตามที่ได้รับคำสั่ง ท่ามกลางสายตาและเสียงวิจารณ์ของประชาชน
นัวฮ์เริ่มทำงานโดยมีผู้ศรัทธาคอยให้ความช่วยเหลือ.
นัวฮ์ ไม่ได้รอดพ้นจากคำดูถูกและเหยียดหยามจากพวกพ้องของเขา, เขาไม่ปรารถสิ่งใดนอกจากต้องการให้พวกเขาได้รับความดีงาม
และช่วยพวกเขาให้พ้นจากการลงโทษอันเจ็บปวดของอัลเลาะห์ในโลกนี้ และโลกหน้า ทันทีที่พวกเขาเห็นนัวฮ์ ชักลากไม้มา ทำการผ่า
ตัด และขุดเจาะ พวกเขาก็เริ่มมองหน้ากันไปมาด้วยความแปลกใจ พลางกล่าวแก่กันท่ามกลางความฉงนใจว่า : นัวฮ์
ได้เลิกประกาศเชิญชวนสู่การสักการะต่ออัลเลาะห์แล้ว
และเขาได้มาเอาดีด้วยการเป็นช่างไม้แล้ว
พวกท่านจงมองดูเขาสิ พวกเราเคยบอกแล้วว่าเขาเป็นคนที่มีสติปัญญาไม่สมบูรณ์
ขณะนี้เขากำลังจะสร้างเรือเพื่อให้มันวิ่งไปบนพื้นดินที่แห้งผาก ! พวกเขาถามนัว์ อย่างดูแคลนว่า :
โอ้ นัวฮ์
ทะเลที่จะให้เรือของท่านแล่นอยู่ที่ไหนกันเล่า ?!
พวกเราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเรือวิ่งไปในทะเลทรายได้.
นัวฮ์ ไม่ตอบอะไร เพียงแต่พูดจากับพวกเขาด้วยดี
และเรียกร้องเชิญชวนพวกเขาให้ศรัทธาต่ออัลเลาะห์
ก่อนที่คำสัญญาของอัลเลาะห์จะมาถึง และพวกเขาจะเสียใจ
และเป็นความเสียใจที่ไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใดทั้งสิ้น
อีกทั้งความสำนึกผิดขณะที่เห็นการลงโทษของอัลเลาะห์กำลังเกิดขึ้นก็จะไม่เกิดประโยชน์แก่พวกเขา.
ด้วยความอดทนเป็นเลิศ นัวฮ์ ได้สร้างเรือเสร็จสมบูรณ์
เป็นเรือที่มีลักษณะประณีตสวยงาม เขารอคอยคำบัญชาของอัลเลาะห์
ว่าจะให้เขาทำอย่างไรต่อไป.
จากนั้นคำบัญชาของอัลเลาะห์ได้มีมาว่า
ให้นัวฮ์นำสิ่งมีชีวิตอย่างละคู่เพศผู้เพศหนึ่งเพศเมียหนึ่งขึ้นไว้บนเรือ
เพื่อไว้ฟื้นฟูโลกขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง ภายหลังจากอัลเลาะห์ได้ปฏิบัติตามสัญญาของพระองค์แก่พวกที่ไร้ศรัทธาลุล่วงลงไปแล้ว.
และเมื่อนัวฮ์ ได้ทำงานชิ้นสำคัญนี้เสร็จสิ้นลง อัลเลาะห์ได้มีบัญชาให้นัวฮ์
ขึ้นโดยสารเรือทั้งตัวเขา เหล่าผู้มีศรัทธา และสรรพสิ่งมีชีวิตที่อัลเลาะห์ ตาอาลา ประสงค์ให้บรรทุกไป ลำเรือมีความใหญ่โตมาก
และกว้างขวางพอจะบรรทุกสิ่งต่างๆ
ที่จำเป็นสำหรับการฟื้นฟูโลกขึ้นใหม่ภายหลังน้ำท่วม.
น้ำท่วมโลก
อัลเลาะห์ ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกร เริ่มลงโทษ
พระองค์ได้บัญชาฟากฟ้าให้ฝนตหนัก ชนิดที่ไม่มีอำนาจใดทัดทานได้ ฝนตกลงมาเป็นสายน้ำบ่าไม่ขาดสายด้วยปริมาณน้ำอันมหาศาล.
ขณะเดียวกันอัลเลาะห์ได้สั่งการให้แผ่นดินแยกออก
ตาน้ำได้ไหลทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง
ชนิดที่ถ้าหากมีเขื่อนหรือกำแพงก็จะไม่สามารถสกัดกั้นมันไว้ได้
น้ำที่ตกลงาจากฟากฟ้าและที่ทะลักออกมาจากผืนนแผ่นดินได้มาบรรจบกัน ตามบัญชาที่อัลเลาะห์
ตาอาลาได้กำหนดไว้, นัวฮ์
พร้อมด้วยเหล่าศรัทธาชนอาศัยอยู่ในเรือ
ที่กำลังแล่นฝ่ากระแสคลื่นที่มีขนาดใหญ่ดุจดังภูเขาอัลเลาะห์ทรงเอาใจใส่ ดูแล
และอารักขา พวกที่มีศรัทธาต่อพระองค์,
น้ำมากมายทั้งที่ตกลงมาจากเบื้องบน
และที่ผุดขึ้นมาจากเบื้องล่าง ไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับเรือที่นัวฮ์
และเหล่าผู้ศรัทธาโดยสารอยู่ และไม่สามารถทำให้มันจมลงได้, โลกนี้เต็มไปด้วยน้ำ
โลกทั้งโลกกลายเป็นทะเล เป็นผืนน้ำเดียวกันทั้งโลก ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดหลงเหลืออยู่ในโลก
นอกจากที่มีอยู่ในเรือที่บรรทุกศรัทธาชนเท่านั้น อัลกุรอานได้บรรยายให้พวกเราทราบถึงบทบาทบางอย่างจากชีวประวัติของนบีนัวฮ์ โดยพระองค์ตรัสว่า :
“ และโอ้ นัวฮ์ เจ้าจงสร้างเรือ
ภายใต้สายตาของเรา และตามบัญชาของเรา
และเจ้าอย่าเจรจากับเราในเรื่องของบรรดาผู้ที่ละเมิด
เพราะพวกเขาต้องจมน้ำอย่างแน่นอน (37) และเขาได้สร้างเรือ
ทุกครั้งที่มีบุคคลชั้นนำจากพวกพ้องของเขาผ่านมาทางเขา ก็จะเยาะเย้ยเขา นัวฮ์
ก็จะกล่าวว่าถ้าหากพวกเจ้าเยาะเย้ยพวกเรา
แท้จริงพวกเราก็จะเยาะเย้ยพวกเจ้า เช่นเดียวกับที่พวกเจ้าเยาะเย้ย (38)
และต่อไปพวกเจ้าก็จะรู้ว่าผู้ที่การลงโทษมาถึงเขานั้น มันจะทำให้เขาอัปยศ
และการลงโทษอันถาวรนั้นจะบังเกิดขึ้นกับเขา (39) จนกระทั่งเมื่อคำบัญชาของเราได้มา
และบนพื้นแผ่นดินน้ำได้พวยพุ่งขึ้น เรา(อัลเลาะห์) ได้กล่าวว่า
เจ้าจงบรรทุกไว้ในเรือทุกชนิดเป็นคู่ๆ
และครอบครัวของเจ้าด้วย
เว้นแต่ผู้ที่คำประกาศิตลงโทษได้กำหนดกับเขาไว้ก่อนแล้ว และจงบรรทุกผู้มีศรัทธาไว้ในเรือด้วย แต่ไม่มีผู้ศรัทธา
เว้นแต่จำนวนเล็กน้อยเท่านั้น (40) และนัวฮ์ ได้กล่าวว่า
พวกเจ้าจงลงโดยสารในเรือเถิด ด้วยพระนามของอัลเลาะห์ ทั้งในขณะที่เรือแล่น
และขณะที่เรือจอด
แท้จริงองค์อภิบาลของฉันเป็นผู้ทรอภัยยิ่ง เป็นผู้ทรงเมตตายิ่ง (ฮูด 37- 41)
ลูกรักจงขึ้นมาบนเรือพร้อมกับพวกเราเถิด
นัวฮ์ มีบุตรหลายคน
และบุตรคนหนึ่งของเขาชื่อ “กันอาน “ เป็นคนที่ฝ่าฝืน
เขาดื้อรั้นต่อคำเรียกร้องเชิญชวนของผู้เป็นบิดา เขาโน้มเอียงไปอยู่ทางฝ่ายผู้ไร้ศรัทธา ทั้งที่บิดาของเขาปรารถนาให้เขาพ้นภัยพิบัติในครั้งนี้.
ชีวประวัติของนัวฮ์ (อ.ล) แสดงให้เราเห็นถึงความเอื้ออาทรของบิดาที่มีต่อบุตรที่ไม่มีวันเหือดแห้งไป ไม่ว่าบุตรจะเป็นคนที่หยาบช้า
และเนรคุณเพียงใดก็ตาม, ขณะที่น้ำท่วมโลก นัวฮ์ ได้เรียกบุตรชายของตนที่อยู่โดยลำพังผู้เดียวว่า :
โอ้ลูกรักจงขึ้นมาบนเรือพร้อมกับพวกเราเถิด
และเจ้าอย่าไปร่วมกับพวกที่ไร้ศรัทธา.
แต่ความเลวร้ายได้ถูกกำหนดไว้แล้วแก่ กันอาน , เขาไม่สนองตอบบิดาที่ร้องเรียกเขา, และเขาได้กล่าวว่า : ฉันจะไปอยู่บนยอดเขา ที่มันจะสามารถปกป้องฉันจากกระแสน้ำ ฉันไม่ต้องการลงเรือลำนี้ของท่านหรอก และฉันจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอนเมื่อได้ขึ้นไปอยู่บนที่สูง.
นัวฮ์กล่าวว่า : ในวันนี้
ไม่มีใครจะป้องกันจากสิ่งที่อัลเลาะห์ กำหนดได้เลย นอกจากผู้ที่พระองค์เมตตาเขาเท่านั้น.
และทันใดนั้นเองลูกคลื่นใหญ่ก็ได้ถาโถมเข้าปะทะกัน
มันได้พาร่างของกันอานไปด้วย มันพาร่างของกันอานไปไกลจากเรือ
จนเขาไม่สามารถตะเกียกตะกายเข้าหาเรือได้ ในที่สุดเขาก็รวมอยู่ในพวกที่จมน้ำตาย.
กันอานตาย แล้วพร้อมกับเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกับเขา เพราะเขาใช้ชีวิตอยู่กับพวกที่ยโสโอหัง
เขาได้รับอิทธิพลจากความคิดของพวกที่ปฏิเสธอัลเลาะห์ เขาไม่ประสงค์จะรวมกลุ่มกับพวกที่มีศรัทธา และในที่สุดเขาก็จมน้ำเสียชีวิตไป.
ในระหว่างนั้นนัวฮ์ ก็ไม่ได้ลืมบุตรที่รักของตน
ทั้งที่บุตรของตนเป็นผู้ไร้ศรัทธา เป็นผู้ทรยศเนรคุณและอกตัญญู
เขามุ่งหน้าเข้าหาอัลเลาะห์ วิงวอนต่อพระองค์ให้ลูกของตนปลอดภัย.
นัวฮ์ ได้กล่าวว่า
ข้าแด่องค์อภิบาลของฉัน ลูกของฉันเป็นคนในครอบครัวของฉัน
สัญญาของท่านเป็นจริง
และท่านเป็นผู้ทรงยุติธรรมยิ่ง ..
อัลเลาะห์ ตาอาลามีโองการว่า : โอ้นัวฮ์
ความจริงบุตรของท่านคนนี้ไม่ใช่คนในครอบครัวของท่าน
ที่เราได้สัญญากับท่านไว้เราจะช่วยเหลือให้พวกเขาพ้นภัย ทั้งนี้เพราะเขาเป็นผู้ที่ไม่ศรัทธา
และเขากระทำกิจกรรมที่ไม่ใช่กิจกรรมของผู้ที่มีคุณธรรม
และความจริงคนที่ไม่มีคุณธรรมนั้น
เขาไม่อาจอยู่ร่วมกับพวกที่มีคุณธรรมได้ ณ พระองค์อัลเลาะห์ แม้แต่การที่จะเป็นบุตรแท้ๆ
ของพวกที่มีคุณธรรมก็ตาม
เพราะความเป็นวงศาคณาญาติที่แท้จริง และสายสัมพันธ์ที่ถูกต้อง
คือความเป็นวงศาคณาญาติทางด้านศรัทธา
ความมีคุณธรรม ความมีหลักศรัทธาบริสุทธิ์ตรงกัน
และกระทำกิจกรรมที่เกิดขึ้นจากหลักศรัทธานี้.
ดังนั้น กันอาน จึงจบชีวิตลงด้วยการจมน้ำตาย
การที่เขามีศักดิ์เป็นถึงลูกของนบีท่านหนึ่งจากบรรดานบีที่มีจิตใจเข้มแข็ง
และเผชิญอันตรายในการเผยแพร่ศาสนา ไม่ได้ช่วยอะไรเขาได้เลย, อัลเลาะห์
ได้ช่วยให้นัวฮ์ และศรัทธาชนที่รวมอยู่กับเขาพ้นภัยจากน้ำท่วมโลก
ทั้งที่ฝนตกกระหน่ำ
กระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก
ท่วมท้นแผ่นดินทั้งหมด … จนในที่สุดเรือของนบีนัวฮ์
ก็ได้ไปติดอยู่บนยอดเขาลูกหนึ่งคือภูเขา อัลญูดีย์
กล่าวกันว่าเป็นภูเขาที่อยู่ทางด้าน ดิยาร บักร์ ในคาบสมุทรอาหรับ.
และนี่คือการลงโทษของอัลเลาะห์ ที่กระทำต่อพวกที่ก่อการละเมิด
และนี่คือความเมตตาที่พระองค์มอบให้แก่กลุ่มชนที่มีศรัทธา.
และที่ยังคงเหลือสำหรับพวกเราหลังจากนั้นก็คือ พวกเรามีศรัทธาต่ออัลเลาะห์
ต่อมะลาอิกะห์ของพระองค์ ต่อคัมภีร์ของพระองค์ ต่อศาสนทูตของพระองค์
โดยเราจะไม่แบ่งแยกระหว่าง ศาสนทูตท่านใดจากบรรดาศาสนทูตของอัลเลาะห์
และที่เป็นหน้าที่ของพวกเราต่อไปก็คือจะต้องอ่านอัลกุรอานและศึกษาชีวประวัติของนบีนัวฮ์
(อ.ล) จากอายะห์ต่างๆ
เพื่อเราจะได้บทเรียนและข้อคิดที่เป็นประโยชน์แก่ตัวเรา
และพวกเราทราบดีว่าอัลเลาะห์ไม่ได้เล่าชีวประวัติต่างๆ
ให้พวกเราได้รับทราบโดยผ่านมาทางนบีท่านต่างๆ และนบีท่านสุดท้ายคือนบีมุฮำหมัด (ซ.ล) นอกจากเพื่อให้เป็นอุทธาหรณ์แก่พวกที่ใช้ความคิดไตร่ตรอง ดังนั้นพวกเราจะต้องปฏิบัติตามคำบัญชาของอัลเลาะห์
ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกร.
และผู้เป็นบุตร ก็จะต้องรับฟังคำแนะนำสั่งสอนของผู้เป็นบิดามารดา
และนำไปปฏิบัติตราบที่ไม่เป็นการละเมิดต่ออัลเลาะห์
จะต้องให้เกียรติยกย่องผู้ที่มีความรู้และผู้อาวุโสในสังคมของเรา จะต้องทบทวนอัลกุรอานที่เล่าเรื่องราวของคนในยุคก่อนให้พวกเราได้รับรู้
ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ดีมีประโยชน์และในแง่นี้เราจะพบว่าอัลกุรอานได้เล่าเรื่องน้ำท่วมโลกให้พวกเราฟังอย่างครบถ้วน
อัลเลาะห์ ตาอาลาตรัสว่า :
“และเรือได้พาพวกเขาฝ่าคลื่นที่สูงดุจดังขุนเขาไป และนัวฮ์ได้เรียกบุตรชายของเขา –ขณะที่บุตรชายของเขาได้ปลีกตัวออกไปจากพวกที่มีศรัทธาว่า – โอ้ลูกรัก จงโดยสารเรือไปพร้อมกับพวกเราเถิด เจ้าอย่าไปร่วมอยู่กับพวกที่ไร้ศรัทธา
จะเป็นเหตุให้เจ้าจมน้ำเสียชีวิต (42) บุตรชายของนัวฮ์กล่าวว่า
ฉันจะไปอาศัยอยู่บนภูเขา ที่มันจะสามารถปกป้องฉันจากจมน้ำได้, นัวฮ์ ได้ตอบเขาว่า ในวันนี้
ไม่มีใครจะป้องกันจากสิ่งที่อัลเลาะห์มีบัญชาไว้และได้กำหนดให้เกิดขึ้นได้เลยอันได้แก่การจมน้ำและความหายนะ นอกจากผู้ที่อัลเลาะห์ ตาอาลาพระองค์เมตตาเขาเท่านั้น
ดังนั้นท่านจงรักษาตัวให้ปลอดภัย และจงมาโดยสารเรือพร้อมกับพวกเราเถิด, และคลื่นสูงได้ซัดพาบุตรชายและนัวฮ์ออกห่างไปจากกัน
จนในที่สุดเขาก็เป็นผู้หนึ่งที่จมน้ำเสียชีวิตไป (43) และอัลเลาะห์
ได้ตรัสแก่ผืนแผ่นดิน – ภายหลังความหายนะพวกพ้องของนัวฮ์ –
ว่า โอ้ผืนแผ่นดินเจ้าจงกลืนกินน้ำของเจ้าเถิด และโอ้ท้องฟ้า
เจ้าจงระงับน้ำฝนของเจ้าเถิด
น้ำเริ่มลดลงและแห้งในที่สุด, ภารกิจของอัลเลาะห์ในการลงโทษพวกพ้องของนัวฮ์เสร็จสิ้น,
และเรือได้จอดลง ณ ภูเขา อัลญูดีย์, และมีผู้ประกาศว่า
ความหายนะ และความเหินห่างจงเกิดแก่พวกที่ละเมิด ซึ่งล่วงล้ำขอบเขตของอัลเลาะห์
โดยพวกเขาไม่ได้ศรัทธาต่อพระองค์ (44)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น