วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2557

นบีนัวฮ์

นัวฮ์  ผู้พ่ายแพ้ที่ได้รับชัยชนะ


            อายุขัยของมนุษย์สำหรับการใช้ชีวิตในโลกดุนยานี้ ไม่อาจวัดเป็นนาที และชั่วโมง และไม่อาจคิดเป็นวัน เป็นเดือนและเป็นปี ที่มนุษย์ได้ใช้หมดไปบนโลกใบนี้ .
            แต่อายุขัยของมนุษย์นั้นจะถูกวัดด้วยผลงานอันยิ่งใหญ่ที่เขาได้ทำไว้  และด้วยผลผลิตที่ดีจากน้ำมือทั้งสองข้างของเขา และด้วยจริยธรรมอันสูงส่ง  และจากการกระทำที่ทำให้ต้องกล่าวขวัญถึงเขาอยู่ตลอดไป  โดยจะมีเกียรติยศ  ศักดิ์ศรี ความเสียสละ ความมุ่งมั่น  และความกล้าหาญ ส่องสว่างอยู่ในการกระทำเหล่านั้น.
            มีคนลุ่มหนึ่งที่อัลเลาะห์ ตาอาลาได้เลือกพวกเขามา คนกลุ่มนั้นก็คือบรรดานบี ทั้งหลาย ซึ่งนบีทุกท่านมีคุณลักษณะอันสูงส่ง  มีความมุ่งมั่นสูง  มีความอดทนเป็นเลิศ และทำหน้าที่ประกาศเชิญชวนสู่ศาสนาของอัลเลาะห์ ด้วยความตั้งใจ ขยันขันแข็ง และด้วยความกล้าหาญอย่างยิ่ง  ไม่ว่าพวกเขาจะเผชิญกับอุปสัก ความยากลำบากอย่างไรก็ตาม  อีกทั้งต้องได้รับความกระทบกระเทือนใจจากการปฏิเสธและไม่ยอมรับจากประชาชน.
            นบีท่านหนึ่งจากบรรดานบีที่เป็นแบบฉบับอันสูงส่งยิ่งในด้านความมีใจกว้าง  มีความอดทนเป็นเยี่ยม  มีความสุขุม  มีขันติไม่โกรธเคือง  ท่านเป็นนบีที่ยิ่งใหญ่ เป็นศาสนทูตที่ประเสริฐ นบีท่านนั้นคือนบีนัวฮ์ (.)
            ท่านเป็นต้นแบบของความอดทน  เป็นที่ยอมรับในด้านการเสียสละ  และรับใช้ประชากรของท่าน  ให้คำแนะนำสั่งสอนแก่พวกเขา  มีขันติต่อการคุกคามของพวกเขา และไม่โกรธเคืองที่พวกเขาเหล่านั้นปฏิเสธ และไม่ยอมรับคำตักเตือนสั่งสอนของท่าน  ด้วยเหตุนี้ท่านจึงเป็นผู้หนึ่งจากบรรดานบีที่อัลกุรอานได้ขนานนามพวกเขาว่า อุลุ้ลอัซมิ (ศาสนทูตผู้มีความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงอัลเลาะห์ ตาอาลาได้โต้ตอบกับนบีของพระองค์คือท่านนบี มุฮำหมัด (.) ให้เจริญรอยตามพวกเขา พระองค์ตรัสว่า : “ เจ้าจงมีความอดทน เช่นเดียวกับบรรดาศาสนทูตที่มีหัวใจเด็ดเดี่ยวมีความอดทนเถิด “ (อัลอะห์ก๊อฟ : 35)
            ต่อไปนี้ขอให้พวกเราได้ใช้ช่วงเวลาที่ดีงามอยู่กับชีวประวัติของนบีผู้ประเสริฐ และยิ่งใหญ่ท่านนี้เถิด.

เขาเป็นใคร ?

            นัวฮ์ (.) เป็นนบีท่านที่สาม ภายหลังจากอาดัม และอิดรีส  ขอความสันติจงมีแด่ทุกท่าน เขาถือกำเนิดมาจากสายของนบีอิดรีส  เท่ากับอิดรีสเป็นปู่ของเขา  และอาดัมเป็นปู่ทวดของเขา.
            นบีนัวฮ์ (.) เกิดมาในช่วงเวลาที่ผู้คนทั้งหลายเชื่อมั่นในสิ่งภาคีต่ออัลเลาะห์ และเนรคุณต่อความโปรดปรานของพระองค์  พวกเขาเคารพสักการะรูปปั้น รูปเคารพที่พวกเขาได้แกะสลักมาจากก้อนหิน และจากท่อนไม้  พวกเขาได้ขนานนามรูปปั้นเหล่านั้นด้วยชื่อต่างๆ มากมายหลายชื่อ ตามที่อัลกุรอานได้กล่าวถึงในหลายแห่งด้วยกัน และได้บอกให้พวกเราได้รับทราบถึงชื่อต่างๆ เหล่านั้นอันได้แก่ :
            วัดด์ สุวาอ์ ยะฆูซ ยะอูก และ นัสร์.
            ในเมื่อการตั้งภาคีต่ออัลเลาะห์เป็นบาปใหญ่ที่มีภัยร้ายแรง  และอัลเลาะห์มีความชิงชังพวกที่ตั้งภาคีที่เรียกว่าพวก  มุชริกีน เป็นอย่างยิ่ง, แต่ด้วยความเมตตาอันกว้างขวางของอัลเลาะห์พระองค์ พระองค์จึงได้ส่งศาสนทูตมาเพื่อแจ้งข่าวดี แก่พวกที่ศรัทธา และข่าวร้ายแก่พวกที่ไร้ศรัทธา ทั้งนี้เพื่อไม่ให้มนุนุษย์มีหลักฐานที่จะใช้เป็นข้อแก้ตัวกับอัลเลาะห์ว่าพวกเขาไม่รู้จัก         อัลเลาะห์ เพราะไม่มีศาสนทูตมาแจ้งข่าวแก่พวกเขาเลย.
            อัลเลาะห์ ได้ส่งนบีนัวฮ์ มายังพวกพ้องของเขา  เพื่อมาตักเตือนและแจ้งข่าวดีแก่พวกเขา เชิญชวนพวกเขาสู่การเคารพภักดีต่ออัลเลาะห์เพียงผู้เดียว โดยไม่มีคู่ภาคีใดๆ สำหรับพระองค์  ชี้นำพวกเขาสู่เส้นทางที่ดีงาม  และชี้แจงเส้นทางที่เที่ยงธรรมให้แก่พวกเขา เป็นเส้นทางที่จะนำพวกเขาสู่ความพอพระทัยของผู้อภิบาลสากลโลก.
            แต่ เป็นธรรมดาของการเชิญชวนสู่ความดี ที่จะต้องมีผู้ต่อต้าน พวกพ้องของนบีนัวฮ์ ปฏิเสธคำเชิญชวนของเขา ปะทะคารม  และโต้เถียง โดยกล่าวว่า :                       
            นัวฮ์   เจ้ามิได้มีฐานะร่ำรวยกว่าพวกเรา แล้วอัลเลาะห์จะส่งเจ้ามาเป็นศาสนทูตได้อย่างไร !,  และเจ้าก็ไม่ได้มีเกียรติมากกว่าพวกเรา  แล้วเจ้าจะมาแนะนำ  และชี้นำพวกเราได้อย่างไร !
            พวกเขาปฏิเสธ และไม่ยอมรับให้คนอย่างนัวฮ์ มาเป็นผู้ชี้นำพวกเขาสู่ความดี  ความยโสโอหัง และความดื้อดึงผลักดันพวกเขาให้เรียกร้องจากนบีนัวฮ์ ด้วยข้อเรียกร้องที่แปลกประหลาด ที่ผู้เป็นศาสนทูตผู้ประเสริฐ และนบีผู้ได้รับการแต่งตั้งให้มาชี้ทางนำที่ถูกต้องแก่มนุษย์ ไม่สามารถรับข้อเรียกร้องนั้นได้.
            พวกนั้นเรียกร้องจากนัวฮ์ว่า : โอ้ นัวฮ์ ถ้าหากเจ้าต้องการให้พวกเราศรัทธาต่อการเป็นศาสนทูตของเจ้า และปฏิบัติตามคำประกาศเชิญชวนของเจ้า, ดังนั้นเจ้าจงขับไล่คนยากจนที่มีศรัทธาต่อเจ้าไปเสียให้พ้น  และเจ้าอย่าหวังเลยว่าพวกเราจะดำเนินตามเจ้า  ตราบที่ยังมีพวกที่ศรัทธาต่อเจ้าเป็นคนชั้นต่ำ  เพราะเป็นไปไม่ได้ที่คนชั้นสูงและคนชั้นต่ำจะอยู่ร่วมกันภายใต้หลักศรัทธาเดียวกัน.
            นัวฮ์ (.) ไม่ยอมรับข้อเรียกร้องที่บิดเบี้ยวนี้  และเขายังคงประกาศเชิญชวนพวกนั้นอย่างไม่ย่อท้อ และเบื่อหน่าย  เขาวอนขอต่ออัลเลาะห์ ให้มีชัยเหนือพวกนั้น  เขาขอพรจากอัลเลาะห์ ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกร   และเขาได้ร้องทุกข์กับพระองค์ ในสิ่งที่พวกนั้นได้กระทำต่อเขา  อัลกุรอาน ได้บรรยายบางส่วนจากเหตุการณ์เหล่านี้ให้พวกเราได้รับทราบ  องค์อภิบาลของเราได้กล่าวว่า : “ นัวฮ์  ได้กล่าวว่าแท้จริงพวกพ้องของฉันได้ขัดขืนฉัน และกล่าวหาว่าฉันโกหก  พวกที่อ่อนแอปฏิบัติตามคนชั้นนำ ที่ทรัพย์สินและบริวารของพวกเขาไม่ได้ทำให้พวกเขาเพิ่มพูนใดๆ นอกจากเพิ่มความหลงผิดมากยิ่งขึ้นในโลกนี้  และเพิ่มพูนการลงโทษในโลกหน้าอาคิเราะห์  พวกคนชั้นนำได้ใช้กลอุบายใหญ่หลวง หลอกลวงคนที่อ่อนแอกว่าโดยกล่าวว่า พวกเจ้าอย่าละทิ้งการเคารพสักการะพระเจ้าทั้งหลายของพวกเจ้า  แล้วหันไปเคารพสักการะอัลเลาะห์องค์เดียวตามที่นัวฮ์ ประกาศเชิญชวน  พวกเจ้าจะต้องไม่ผละจาก วัดด์  สุวาอ์  ยะฆูซ   ยะอูก  และนัสร์  เหล่านี้เป็นชื่อรูปเคารพที่พวกเขาเคารพสักการะอื่นจากอัลเลาะห์ “   (นัวฮ์ : 21 - 23)
            เช่นเดียวกับที่อัลกุรอานได้เล่าเรื่องราวตั้งแต่เริ่มส่งนัวฮ์  (.ไปยังพวกพ้องของเขาว่า : “ แท้จริงเราได้ส่งนัวฮ์ ไปยังพวกพ้องของเขา  นัวฮ์ ได้กล่าวแก่พวกพพ้องของเขาว่า แท้จริงฉันเป็นผู้มาเตือนพวกท่านให้ระวังการลงโทษของอัลเลาะห์ เป็นผู้อธิบายให้พวกท่านทราบถึงสิ่งที่ฉันถูกส่งมายังพวกท่านอันได้แก่ข้อใช้และข้อห้ามของพระองค์   อัลเลาะห์มีบัญชามายังพวกท่านมิให้เคารพสักการะสิ่งใดนอกจากอัลเลาะห์เท่านั้น  แท้จริงฉันกลัวการลงโทษในวันที่แสนเจ็บปวดจะเกิดกับพวกท่าน ถ้าหากพวกท่านไม่เคารพสักการะอัลเลาะห์แต่เพียงผู้เดียว “  (ฮูด : 25 - 31)
            อัลกุรอานได้เล่าให้พวกเราทราบถึงรายละเอียดของชีวประวัติที่ดีงามยิ่ง นั่นคือชีวประวัติของท่านบรรดานบีทั้งหลาย  เพื่อให้พวกเขาเป็นแบบอย่างของมนุษยชาติในด้านความอดทน การยืนหยัดทำหน้าที่ในการประกาศศาสนา  และพึ่งพาอัลเลาะห์ในยามยากและเดือดร้อน.

การโต้เถียง มีอยู่ตลอด

            นัวฮ์ (.) มีความอ่อนน้อมต่อพวกพ้องของเขา โดยเฉพาะต่อคนที่ร่ำรวยของพวกเขา  นัวฮ์ เปิดโอกาสให้มีการโต้เถียงและซักถาม  เป้าหมายของการโต้เถียงและซักถามก็คือ นัวฮ์ต้องการอธิบายให้พวกเขาแยกแยะได้ว่าอะไรคือความจริงและอะไรคือความเท็จ และต้องการยก อุธาหรณ์ห้แก่พวกเขาได้พิจารณา  และชี้นำพวกเขาให้ใคร่ครวญถึงความมหัศจรรย์ในการสรรค์สร้างของอัลเลาะห์  ซึ่งโดยเดชานุภาพและความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ได้สร้างพวกเขาขึ้นมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน  และได้ให้พวกเขาผ่านช่วงต่างๆ  ของชีวิตตั้งแต่วัยเด็ก  วัยหนุ่ม  วัยกลางคน และวัยชราจนแก่เฒ่า  บางคนกลับคืนสู่วัยที่ตกต่ำนั่นคืออยู่ในสภาพที่หลงลืม  เหล่านั้นมิใช่เครื่อง   ยืนยันถึงเดชานุภาพของอัลเลาะห์ที่มนุษย์ควรจะนำมาพิจารณาตัวเองหรือเมื่อพิจารณามนุษย์ก็จะรู้ความจริงของชีวิตว่ามันเริ่มต้นขึ้นอย่างไร  และจะจบลงอย่างไร
            ความจริงการที่นัวฮ์ให้ความสำคัญกับพวกพ้องของเขา และมีความอดทนต่อพฤติกรรมของพวกเขานั้นถือเป็นความเมตตาจากเอกองค์อัลเลาะห์ เป็นการยกย่องให้เกียรติ เป็นความโปรดปรานและเป็นความกรุณาจากพระองค์  เพราะอัลเลาะห์เป็นผู้สร้าง พระองค์รู้จักนิสัยบ่าวของพระองค์เป็นอย่างดี  พระองค์จึงส่งนบีที่มีจิตใจกว้างขวางและมีความขันติสูงมายังพวกเขา  สนทนา โต้เถียงกับพวกเขาด้วยเหตุด้วยผล ด้วยวิทยปัญญา และด้วยคำสั่งสอนตักเตือนที่ดีงาม   นบีนัวฮ์ถามพวกเขาเช่นเดียวกับที่ครูสอนศิษย์  ที่มีความปราถนาประการเดียวเท่านั้นคือให้ผู้ที่ถูกถามได้รับทางนำที่ถูกต้อง และสิ่งที่ดีงาม  นบีนัวฮ์ถามพวกเขาว่า :
            - ยังมีผู้สร้างอื่นนอกจากอัลเลาะห์ ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกรอีกหรือ  รูปปั้นเหล่านี้ที่พวกท่านตั้งชื่อด้วยนามต่างๆ กันนั้น  อัลเลาะห์ไม่ได้ประทานหลักฐานใดๆ มายืนยันให้พวกเจ้าเคารพบูชา สามารถให้คุณให้โทษได้หรือ และสามารถช่วยเหลือพวกเจ้าให้พ้นจากการลงโทษของอัลเลาะห์ได้หรือ ?
            พวกเขาจนปัญญาที่จะโต้ตอบ  พวกเขาไม่มีคำตอบให้แก่นบีนัวฮ์ (.) เพราะธรรมชาติบริสุทธิ์ของพวกเขา และของมนุษย์ทุกคนต่างก็กล่าวว่า ไม่มีผู้สร้างใดอีกเว้นแต่อัลเลาะห์เท่านั้น.
            นัวฮ์ ถามอีกว่า :
            - ผู้มีปัญญาทั้งหลาย จะเหมาะสมแก่พวกเจ้าหรือ ที่พวกเจ้าจะเคารพสักการะรูปปั้นที่พวกเจ้าสร้างขึ้นมาด้วยมือของพวกเจ้าเอง  โดยที่อัลเลาะห์ยกย่องให้เกียรติพวกเจ้าเหนือสรรพสิ่งทั้งปวง  และให้พวกเจ้ามีสติปัญญาที่จะสามารถแยกได้ว่าอะไรคือสัจธรรม และอะไรเป็นสิ่งโป้ปดมดเท็จ  อัลเลาะห์ใช้ให้มวลมะลาอิกะห์โค้งคำนับพวกเจ้าขณะที่พวกเจ้าอยู่ในไขสันหลังบรรพบุรุษของพวกเจ้าคืออาดัม  จะบังควรไหมที่พวกเจ้าจะเคารพสักการะสิ่งอื่นจากอัลเลาะห์ ซึ่งพระองค์เป็นผู้ประทานความโปรดปรานอย่างมากมายให้แก่พวกเจ้าทั้งภายนอกและภายใน  และสอนให้พวกเจ้ารู้สิ่งที่พวกเจ้าไม่เคยมีความรู้มาก่อน ?.
            จะรับกับสติปัญญาหรือที่มนุษย์จะหันเหออกไปจากธรรมชาติบริสุทธิ์ และเคารพสักการะก้อนหินที่มองไม่เห็น  ไม่ได้ยิน  ไม่ให้คุณ และไม่ให้โทษ?
            แล้วผลลีพธ์เป็นอย่างไร ?   พวกพ้องของนัวฮ์ ตอบโต้เขาอย่างไร ?
            พวกเขายังคงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำถามเหล่านี้ซึ่งพวกเขาไม่มีความประสงค์จะยอมรับคำตอบที่ถูกต้องของมัน  พวกเขทำร้ายนัวฮ์ (.) ล่วงละเมิดเขา  พวกที่โอหังและหยิ่งยโสใช้กลอุบาย  และวางแผนสกปรกเพื่อป้ายสีเขา ..
            พวกเขามีมติร่วมกันที่จะแพร่ข่าวในหมู่ประชาชนว่านัวฮ์ เป็นผู้ที่ไม่มีความสามารถรับผิดชอบ เพราะเขาเป็นบุคคลที่ไม่สมบูรณ์ !!  แล้วอัลเลาะห์จะแต่งตั้งเขา และส่งเขามาเป็นศาสนทูตชี้นำประชาชนได้อย่างไร .. เป็นเรื่องประหลาดมาก ..
            อัลกุรอานได้ได้กล่าวตอบโต้คำพูดของพวกเขาดังกล่าวนี้ว่า :
พวกเจ้าประหลาดใจหรือ การที่มีคำตักเตือนจากพระเจ้ามายังพวกเจ้าโดยผ่านชายคนหนึ่งในหมู่พวกเจ้า  เพื่อพวกเจ้าจะได้ยำเกรง  และเพื่อพวกเจ้าจะได้รับความเอ็นดูเมตตา “ (อัลอะอ์รอฟ : 63)  แต่พวกเขาก็เป็นเช่นที่อัลกุรอานได้บรรยายลักษณะของพวกเขาไว้ว่า :
โอ้ นัวฮ์ ท่านได้โต้เถียงกับพวกเรามา  และท่านได้โต้เถียงกับพวกเราอย่างมากมาย  ดังนั้นท่านจงนำสิ่งที่ท่านได้สัญญาไว้กับพวกเรามาเถิด  ถ้าหากท่านเป็นผู้ที่มีสัจจะ (ฮูด : 32)  นัวฮ์ (.) ได้ตอบพวกเขา ตามที่อัลกุรอานได้เล่าให้พวกเราได้รับทราบว่า : “  นัวฮ์  กล่าวว่าแท้จริงอัลเลาะห์จะนำมันมาให้เกิดกับพวกเจ้าอย่างแน่นอน ถ้าหากพระองค์ประสงค์  และพวกเจ้าจะไม่สามารถรอดพ้นไปได้ (33) และคำสั่งสอนของฉันจะไม่เกิดประโยช์แก่พวกเจ้า  ตามที่ฉันปรารถนาสั่งสอนพวกเจ้า  หากอัลเลาะห์ประสงค์ให้พวกเจ้าหลงผิด  พระองค์คือพระเจ้าของพวกเจ้า  และพวกเจ้าจะถูกนำกลับไปยังพระองค์ (34)  (ฮูด)

ความโกรธของผู้มีขันติ

            นัวฮ์ (.) มีชีวิตอยู่ร่วมกับพวกพ้องของเขาเป็นเวลาเก้าร้อยห้าสิบปี ประกาศเชิญชวนพวกเขาสู่การเคารพสักการะอัลเลาะห์ผู้เป็นพระเจ้าของมนุษยชาติเพียงองค์เดียว ผู้ทรงเอกกะ  และตักเตือนพวกเขาถึงฟากฟ้าและสิ่งที่มีอยู่ในมัน  ตักเตือนพวกเขาถึงแผ่นดินและสิ่งที่มีอยู่บนมัน  แต่คำประกาศเชิญชวนของเขาไม่ได้รับการตอบสนอง นอกจากความเย็นชาและคำปฏิเสธ  พวกเขาใช้นิ้วอุดหูจนไม่ได้ยินคำพูดนัวฮ์  ใช้ผ้าผูกตาเพื่อไม่ให้เห็นนัวฮ์  ขณะที่เขาเดินปะปนอยู่กับพวกเขาทั้งยามเช้าและยามเย็น  คล้ายกับพวกเขากลัวว่าคำประกาศเชิญชวนของเขาจะกระทบความคิดและสติปัญญาของพวกเขา   พวกเขาสร้างกำแพงและเครื่องกีดขวางระหว่างเขากับนัวฮ์  เพื่อคำพูดของนัวฮ์ที่อ่อนหวานใดๆ  จะไม่สามารถเจาะทะลุสู่ความคิดของพวกเขาได้ซึ่งจะทำให้หัวใจของพวกเขาโน้มเอียง  ถึงแม้หัวใจของพวกเขาจะเหมือนก้อนหินที่มืดบอดแล้วก็ตาม.
            แต่นัวฮ์ ไม่สิ้นหวัง  ความเหน็ดเหนื่อย และความเบื่อหน่ายไม่เคยเกิดขึ้นกับจิตใจของเขา เขายังคงทำหน้าที่ตักเตือนและแนะนำด้วยสัญลักษณ์ต่างๆ ของอัลเลาะห์ ยังคงประกาศเชิญชวนสู่การเคารพสักการะอัลเลาะห์เพียงผู้เดียว  พระองค์เพียงผู้เดียวเป็นผู้สร้าง  เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ.
            ก็เหมือนกับนบีทุกๆ ท่านไม่มีทางที่ความสิ้นหวังจะเกิดขึ้นในจิตใจของเขา  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเป็นศาสนทูตที่มีความตั้งใจแน่วแน่ที่เรียกว่า อุลุ้ลอัซมิ “  เช่นนัวฮ์ (.เพราะความสิ้นหวังเป็นลักษณะต่ำต้อยที่จะมีก็แต่เฉพาะคนที่ล้มเหลวเท่านั้น ผู้ซึ่งจะก้าวถอยหลังเมื่อเผชิญกับอุปสักในเส้นทางที่เขาเดิน  ส่วนนบีของอัลเลาะห์  และผู้ยิ่งใหญ่นั้น  ความวางใจในอัลเลาะห์เจ้าของพวกเขาจะผลักดันพวกเขาให้ต่อสู้และบากบั่นเดินไปอย่างไม่ย่อท้อ และท้าทายไม่ว่าจะมีอุปสักมากมายเพียงใดก็ตาม  เพราะหน้าที่ของนบีคือการต่อสู้เพื่อทำให้มนุษยชาติมีความสุข  และประกาศสัจธรรมให้ทั่วถึง  เหมือนอย่างที่ลงมาจากเอกองค์อัลเลาะห์.
            นัวฮ์ ไม่ท้อถอย, เขาวิงวอนต่ออัลเลาะห์ว่าความจริงฉันพ่ายแพ้  ขอท่านได้โปรดให้ได้รับชัยชนะ  ข้าแด่องค์อภิบาลโปรดอย่าได้ปล่อยให้มีผู้ไร้ศรัทธาสักคนมีชีวิตอยู่บนผืนแผ่นดิน เพราะถ้าหากท่านปล่อยพวกเขาไว้  พวกเขาจะทำให้บ่าวของท่านหลงผิด  และพวกเขาจะให้กำเนิดผู้ที่ชั่วช้า และทรยศต่อพระองค์.
            อัลกุรอานได้เล่าให้พวกเราฟังถึงท่าทีเหล่านี้ไว้ในคำดำรัสของพระองค์ที่ว่า :
และได้มีบัญชามายังนัวฮ์ว่าจะไม่มีผู้ใดจากพวกพ้องของเจ้าศรัทธา  นอกจากผู้ที่ได้ศรัทธามาก่อนแล้ว  ดังนั้นท่านอย่าหมดหวังในสิ่งที่พวกเขาได้ก่อขึ้น “ (อูด : 36)
            เช่นเดียวกับที่อัลกุรอานได้เล่าประวัตินี้ไว้โดยสังเขปในซูเราะห์นัวฮ์ ซึ่งไม่ได้กล่าวถึงเรื่องอื่นเลยนอกจากเรื่องนี้เท่านั้นตั้งแต่ต้นจนจบ  การอ่านซูเราะห์นี้เป็นคำตักเตือน เป็นคำสอน เป็นอุธาหรณ์ และเป็นประวัติของพวกพ้องนบีนัวฮ์ว่าจุดจบของพวกเขาเป็นอย่างไร  อัลเลาะห์ตาอาลาตรัสว่า :
            “ แท้จริงเราได้ส่งนัวฮ์ไปยังพวกพ้องของเขาว่าเจ้าจงเตือนพวกพ้องของเจ้าก่อนที่การลงโทษอันเจ็บปวดจะมีมายังพวกเขา (1) นัวฮ์กล่าวว่า โอ้พวกพ้องของฉัน แท้จริงฉันมาเป็นผู้ตักเตือนแจกแจงแก่พวกเจ้า  (2) ว่าพวกเจ้าจงเคารพสักการะอัลเลาะห์  จงยำเกรงพระองค์ และจงเชื่อฟังเรา (3) พระองค์จะอภัยโทษบาปต่างๆ ของพวกเจ้า  และจะทรงผ่อนผันพวกเจ้าจนถึงวาระที่ถูกกำหนดไว้  แท้จริงวาระของอัลเลาะห์นั้นเมื่อมาถึงแล้ว มันจะไม่ร่นออกไปอีก  หากพวกเจ้ารู้ (4)  เขากล่าวว่าข้าแด่องค์อภิบาลของฉัน แท้จริงฉันได้เรียกร้องเชิญชวนหมู่ชนของฉันให้มาศรัทธาต่อท่านทั้งกลางวันและกลางคืน (5)  แต่การเรียกร้องเชิญชวนของฉัน ไม่ได้เพิ่มพูนสิ่งใดแก่พวกเขาเลย นอกจากการเผ่นหนี (6)  และแท้จริงทุกครั้งที่ฉันเรียกร้องเชิญชวนพวกเขา เพื่อที่พระองค์ท่านจะอภัยโทษให้แก่พวกเขา  พวกเขาได้ใช้นิ้วอุดหูของพวกเขา  และใช้เสื้อผ้าของพวกเขาคลุมโปง และพวกเขาก็ดื้อรั้น และแสดงความยโสโอหัง อย่างยิ่ง (7) ต่อมาแนได้เรียกร้องเชิญชวนพวกเขาอย่างเปิดเผย (8) ต่อมาฉันก็ได้เปิดเผยแก่พวกเขา และได้เรียกร้องพวกเขาอย่างลับๆ อีกด้วย (9) ฉันได้บอกแก่พวกเขาว่า พวกเจ้าจงวิงวอนขออภัยโทษต่อองค์อภิบาลของพวกเจ้าเถิด เพราะพระองค์ทรงอภัยยิ่ง (10) พระองค์จะประทานฝนลงมายังพวกท่านอย่างมากมาย (11) และพระองค์จะสนับสนุนพวกเจ้าด้วยทรัพย์สิน และลูกหลาน พระองค์จะให้พวกท่านมีเรือกสวนมากมาย และให้พวกท่านมีสายน้ำหลายสาย (12) ไม่บังควรเลยที่พวกเจ้าจะไม่สำนึกถึงความน่ายำเกรงของอัลเลาะห์ (13) และแท้จริงพระองค์ได้สร้างพวกเจ้าขึ้นมาตามขั้นตอนต่างๆ (14)  พวกเจ้าไม่เห็นหรือว่าอัลเลาะห์ได้สร้างฟ้าทั้งเจ็ดขึ้นมาเป็นชั้นๆ อย่างไร (15) พระองค์ให้ดวงจันทร์มีแสงนวล และให้ดวงอาทิตย์มีแสงเจิดจ้า (16) และอัลเลาะห์ให้พวกเจ้างอกเงยขึ้นมาจากผืนดิน เช่นพืชผัก (17) หลังจากนั้นพระองค์จะให้พวกเจ้ากลับคืนไปสู่ผืนดิน และให้พวกเจ้าออกมาจากผืนดินอีกครั้งหนึ่ง (18) และอัลเลาะห์ได้ให้แผ่นดินราบเรียบกว้างใหญ่สำหรับพวกเจ้า (19) เพื่อพวกเจ้าจะสัญจรไปตามช่องทางที่กว้างขวาง (20) นัวฮ์ ได้กล่าวว่าข้าแด่องค์อภิบาลของฉันแท้จริงพวกเขาฝ่าฝืนฉัน และเชื่อฟังผู้ที่ทรัพย์สินของเขาและลูกหลานของเขาไม่ได้เพิ่มพูนสิ่งใดแก่เขานอกจากความขาดทุนเท่านั้น (21) และพวกเขาได้ใช้กลอุบายอันยิ่งใหญ่ (22) และพวกเขาได้กล่าวกันเองว่า พวกเจ้าอย่าทิ้งพระเจ้าของพวกเจ้า และพวกเจ้าอย่าทิ่ง วัดด์ อย่าทิ้งสุวาอ์ อย่าทิ้งยะฆูส ยะอูก และนัสร์ เป็นอันขาด (เหล่านี้เป็นชื่อรูกเคารพของพวกเขา (23)    และความจริงพวกเขาได้ทำให้คนส่วนใหญ่หลงผิด และขอพระองค์ท่านได้โปรดอย่าเพิ่มพูนสิ่งใดให้แก่พวกที่ละเมิดนอกจากความหลงผิดเท่านั้น (24) เพราะความผิดพลาดมากมายของพวกเขา พวกเขาจึงถูกทำให้จมน้ำ และถูกนำเข้าขุมนรก ดังนั้นพวกเขาจะไม่พบว่ามีใครช่วยเหลือพวกเขาได้นอกจากอัลเลาะห์เท่านั้น (25) และนัวฮ์ ได้กล่าวว่าข้าแด่องค์อภิบาลของฉันของพระองค์ท่านได้โปรดอย่าปล่อยให้พวกที่ไร้ศรัทธาหลงเหลือบนหน้าแผ่นดินสักคนเดียว (26) เพราะแท้จริงถ้าหากพระองค์ท่านปล่อยพวกเขาไว้ พวกเขาจะทำให้บ่าวของท่านหลงผิด และพวกเขาจะไม่ให้กำเนิดนอกจากผู้ที่เลวทรามและไร้ศรัทธาเท่านั้น (27)  ข้าแด่องค์อภิบาลของฉัน ขอพระองค์ท่านได้โปรดอภัยโทษให้แก่ฉัน บิดามารดาของฉัน และผู้ที่เข้ามาในบ้านของฉันอย่างมีศรัทธา และแก่ผู้มีศรัทธาทั้งชายและหญิง และขอพระองค์ท่านได้โปรดอย่าเพิ่มพูนสิ่งใดให้แก่พวกที่ละเมิด นอกจากความพินาศหานะเท่านั้น   (นัวฮ์ :1  -  28)
            อัลเลาะห์ ตาอาลาตอบสนองคำวิงวอนของนัวฮ์ (.และพระองค์ได้มีโองการมายังเขาให้สร้างเรือที่จะเป็นเหตุให้พวกที่มีศรัทธาที่อยู่พร้อมกับเขารอดพ้นจากหายนะ เพื่อพวกเขาจะไม่ต้องพินาศไปพร้อมกับพวกที่ต้องพินาศ.

นัวฮ์ สร้างเรือ
            อัลเลาะห์ ได้บัญชานบีของพระองค์ให้สร้างเรือ  การสร้างเรือต้องอาศัยความชำนาญ ความประณีต และความพิถีพิถัน  กล่าวกันว่านัวฮ์ เป็นผู้มีความชำนาญในการก่อสร้างด้วยไม้, เขาเริ่มปฏิบัติตามคำบัญชาของอัลเลาะห์ และดำเนินการตามที่ได้รับคำสั่ง ท่ามกลางสายตาและเสียงวิจารณ์ของประชาชน  นัวฮ์เริ่มทำงานโดยมีผู้ศรัทธาคอยให้ความช่วยเหลือ.
            นัวฮ์ ไม่ได้รอดพ้นจากคำดูถูกและเหยียดหยามจากพวกพ้องของเขา, เขาไม่ปรารถสิ่งใดนอกจากต้องการให้พวกเขาได้รับความดีงาม และช่วยพวกเขาให้พ้นจากการลงโทษอันเจ็บปวดของอัลเลาะห์ในโลกนี้ และโลกหน้า  ทันทีที่พวกเขาเห็นนัวฮ์ ชักลากไม้มา ทำการผ่า ตัด และขุดเจาะ พวกเขาก็เริ่มมองหน้ากันไปมาด้วยความแปลกใจ  พลางกล่าวแก่กันท่ามกลางความฉงนใจว่า : นัวฮ์  ได้เลิกประกาศเชิญชวนสู่การสักการะต่ออัลเลาะห์แล้ว และเขาได้มาเอาดีด้วยการเป็นช่างไม้แล้ว  พวกท่านจงมองดูเขาสิ พวกเราเคยบอกแล้วว่าเขาเป็นคนที่มีสติปัญญาไม่สมบูรณ์ ขณะนี้เขากำลังจะสร้างเรือเพื่อให้มันวิ่งไปบนพื้นดินที่แห้งผาก !  พวกเขาถามนัว์ อย่างดูแคลนว่า : โอ้ นัวฮ์  ทะเลที่จะให้เรือของท่านแล่นอยู่ที่ไหนกันเล่า  ?!  พวกเราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเรือวิ่งไปในทะเลทรายได้.
            นัวฮ์ ไม่ตอบอะไร เพียงแต่พูดจากับพวกเขาด้วยดี และเรียกร้องเชิญชวนพวกเขาให้ศรัทธาต่ออัลเลาะห์ ก่อนที่คำสัญญาของอัลเลาะห์จะมาถึง และพวกเขาจะเสียใจ และเป็นความเสียใจที่ไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใดทั้งสิ้น อีกทั้งความสำนึกผิดขณะที่เห็นการลงโทษของอัลเลาะห์กำลังเกิดขึ้นก็จะไม่เกิดประโยชน์แก่พวกเขา.
            ด้วยความอดทนเป็นเลิศ นัวฮ์ ได้สร้างเรือเสร็จสมบูรณ์ เป็นเรือที่มีลักษณะประณีตสวยงาม เขารอคอยคำบัญชาของอัลเลาะห์ ว่าจะให้เขาทำอย่างไรต่อไป.
            จากนั้นคำบัญชาของอัลเลาะห์ได้มีมาว่า ให้นัวฮ์นำสิ่งมีชีวิตอย่างละคู่เพศผู้เพศหนึ่งเพศเมียหนึ่งขึ้นไว้บนเรือ เพื่อไว้ฟื้นฟูโลกขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง ภายหลังจากอัลเลาะห์ได้ปฏิบัติตามสัญญาของพระองค์แก่พวกที่ไร้ศรัทธาลุล่วงลงไปแล้ว.
            และเมื่อนัวฮ์ ได้ทำงานชิ้นสำคัญนี้เสร็จสิ้นลง  อัลเลาะห์ได้มีบัญชาให้นัวฮ์ ขึ้นโดยสารเรือทั้งตัวเขา เหล่าผู้มีศรัทธา และสรรพสิ่งมีชีวิตที่อัลเลาะห์  ตาอาลา ประสงค์ให้บรรทุกไป ลำเรือมีความใหญ่โตมาก และกว้างขวางพอจะบรรทุกสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการฟื้นฟูโลกขึ้นใหม่ภายหลังน้ำท่วม.
           
น้ำท่วมโลก
            อัลเลาะห์ ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกร เริ่มลงโทษ พระองค์ได้บัญชาฟากฟ้าให้ฝนตหนัก ชนิดที่ไม่มีอำนาจใดทัดทานได้  ฝนตกลงมาเป็นสายน้ำบ่าไม่ขาดสายด้วยปริมาณน้ำอันมหาศาล.
            ขณะเดียวกันอัลเลาะห์ได้สั่งการให้แผ่นดินแยกออก ตาน้ำได้ไหลทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง ชนิดที่ถ้าหากมีเขื่อนหรือกำแพงก็จะไม่สามารถสกัดกั้นมันไว้ได้  น้ำที่ตกลงาจากฟากฟ้าและที่ทะลักออกมาจากผืนนแผ่นดินได้มาบรรจบกัน ตามบัญชาที่อัลเลาะห์ ตาอาลาได้กำหนดไว้, นัวฮ์ พร้อมด้วยเหล่าศรัทธาชนอาศัยอยู่ในเรือ ที่กำลังแล่นฝ่ากระแสคลื่นที่มีขนาดใหญ่ดุจดังภูเขาอัลเลาะห์ทรงเอาใจใส่ ดูแล และอารักขา พวกที่มีศรัทธาต่อพระองค์น้ำมากมายทั้งที่ตกลงมาจากเบื้องบน และที่ผุดขึ้นมาจากเบื้องล่าง ไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับเรือที่นัวฮ์ และเหล่าผู้ศรัทธาโดยสารอยู่ และไม่สามารถทำให้มันจมลงได้โลกนี้เต็มไปด้วยน้ำ โลกทั้งโลกกลายเป็นทะเล เป็นผืนน้ำเดียวกันทั้งโลก  ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดหลงเหลืออยู่ในโลก นอกจากที่มีอยู่ในเรือที่บรรทุกศรัทธาชนเท่านั้น  อัลกุรอานได้บรรยายให้พวกเราทราบถึงบทบาทบางอย่างจากชีวประวัติของนบีนัวฮ์  โดยพระองค์ตรัสว่า :
และโอ้ นัวฮ์ เจ้าจงสร้างเรือ ภายใต้สายตาของเรา และตามบัญชาของเรา และเจ้าอย่าเจรจากับเราในเรื่องของบรรดาผู้ที่ละเมิด เพราะพวกเขาต้องจมน้ำอย่างแน่นอน (37) และเขาได้สร้างเรือ ทุกครั้งที่มีบุคคลชั้นนำจากพวกพ้องของเขาผ่านมาทางเขา ก็จะเยาะเย้ยเขา  นัวฮ์ ก็จะกล่าวว่าถ้าหากพวกเจ้าเยาะเย้ยพวกเรา  แท้จริงพวกเราก็จะเยาะเย้ยพวกเจ้า เช่นเดียวกับที่พวกเจ้าเยาะเย้ย (38) และต่อไปพวกเจ้าก็จะรู้ว่าผู้ที่การลงโทษมาถึงเขานั้น  มันจะทำให้เขาอัปยศ และการลงโทษอันถาวรนั้นจะบังเกิดขึ้นกับเขา (39) จนกระทั่งเมื่อคำบัญชาของเราได้มา และบนพื้นแผ่นดินน้ำได้พวยพุ่งขึ้น  เรา(อัลเลาะห์) ได้กล่าวว่า เจ้าจงบรรทุกไว้ในเรือทุกชนิดเป็นคู่ๆ  และครอบครัวของเจ้าด้วย  เว้นแต่ผู้ที่คำประกาศิตลงโทษได้กำหนดกับเขาไว้ก่อนแล้ว  และจงบรรทุกผู้มีศรัทธาไว้ในเรือด้วย  แต่ไม่มีผู้ศรัทธา เว้นแต่จำนวนเล็กน้อยเท่านั้น (40) และนัวฮ์ ได้กล่าวว่า พวกเจ้าจงลงโดยสารในเรือเถิด ด้วยพระนามของอัลเลาะห์ ทั้งในขณะที่เรือแล่น และขณะที่เรือจอด  แท้จริงองค์อภิบาลของฉันเป็นผู้ทรอภัยยิ่ง เป็นผู้ทรงเมตตายิ่ง  (ฮูด 37- 41)

ลูกรักจงขึ้นมาบนเรือพร้อมกับพวกเราเถิด

            นัวฮ์ มีบุตรหลายคน  และบุตรคนหนึ่งของเขาชื่อ กันอาน เป็นคนที่ฝ่าฝืน  เขาดื้อรั้นต่อคำเรียกร้องเชิญชวนของผู้เป็นบิดา  เขาโน้มเอียงไปอยู่ทางฝ่ายผู้ไร้ศรัทธา  ทั้งที่บิดาของเขาปรารถนาให้เขาพ้นภัยพิบัติในครั้งนี้.
            ชีวประวัติของนัวฮ์ (.แสดงให้เราเห็นถึงความเอื้ออาทรของบิดาที่มีต่อบุตรที่ไม่มีวันเหือดแห้งไป  ไม่ว่าบุตรจะเป็นคนที่หยาบช้า และเนรคุณเพียงใดก็ตามขณะที่น้ำท่วมโลก นัวฮ์ ได้เรียกบุตรชายของตนที่อยู่โดยลำพังผู้เดียวว่า : โอ้ลูกรักจงขึ้นมาบนเรือพร้อมกับพวกเราเถิด และเจ้าอย่าไปร่วมกับพวกที่ไร้ศรัทธา.
            แต่ความเลวร้ายได้ถูกกำหนดไว้แล้วแก่ กันอาน เขาไม่สนองตอบบิดาที่ร้องเรียกเขาและเขาได้กล่าวว่า : ฉันจะไปอยู่บนยอดเขา ที่มันจะสามารถปกป้องฉันจากกระแสน้ำ  ฉันไม่ต้องการลงเรือลำนี้ของท่านหรอก  และฉันจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอนเมื่อได้ขึ้นไปอยู่บนที่สูง.
            นัวฮ์กล่าวว่า ในวันนี้  ไม่มีใครจะป้องกันจากสิ่งที่อัลเลาะห์ กำหนดได้เลย  นอกจากผู้ที่พระองค์เมตตาเขาเท่านั้น.
            และทันใดนั้นเองลูกคลื่นใหญ่ก็ได้ถาโถมเข้าปะทะกัน มันได้พาร่างของกันอานไปด้วย มันพาร่างของกันอานไปไกลจากเรือ จนเขาไม่สามารถตะเกียกตะกายเข้าหาเรือได้ ในที่สุดเขาก็รวมอยู่ในพวกที่จมน้ำตาย.
            กันอานตาย แล้วพร้อมกับเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกับเขา  เพราะเขาใช้ชีวิตอยู่กับพวกที่ยโสโอหัง  เขาได้รับอิทธิพลจากความคิดของพวกที่ปฏิเสธอัลเลาะห์  เขาไม่ประสงค์จะรวมกลุ่มกับพวกที่มีศรัทธา  และในที่สุดเขาก็จมน้ำเสียชีวิตไป.
            ในระหว่างนั้นนัวฮ์ ก็ไม่ได้ลืมบุตรที่รักของตน ทั้งที่บุตรของตนเป็นผู้ไร้ศรัทธา เป็นผู้ทรยศเนรคุณและอกตัญญู เขามุ่งหน้าเข้าหาอัลเลาะห์ วิงวอนต่อพระองค์ให้ลูกของตนปลอดภัย.
            นัวฮ์ ได้กล่าวว่า  ข้าแด่องค์อภิบาลของฉัน ลูกของฉันเป็นคนในครอบครัวของฉัน สัญญาของท่านเป็นจริง  และท่านเป็นผู้ทรงยุติธรรมยิ่ง ..
            อัลเลาะห์ ตาอาลามีโองการว่า : โอ้นัวฮ์ ความจริงบุตรของท่านคนนี้ไม่ใช่คนในครอบครัวของท่าน  ที่เราได้สัญญากับท่านไว้เราจะช่วยเหลือให้พวกเขาพ้นภัย  ทั้งนี้เพราะเขาเป็นผู้ที่ไม่ศรัทธา และเขากระทำกิจกรรมที่ไม่ใช่กิจกรรมของผู้ที่มีคุณธรรม และความจริงคนที่ไม่มีคุณธรรมนั้น  เขาไม่อาจอยู่ร่วมกับพวกที่มีคุณธรรมได้ ณ พระองค์อัลเลาะห์  แม้แต่การที่จะเป็นบุตรแท้ๆ ของพวกที่มีคุณธรรมก็ตาม  เพราะความเป็นวงศาคณาญาติที่แท้จริง และสายสัมพันธ์ที่ถูกต้อง คือความเป็นวงศาคณาญาติทางด้านศรัทธา  ความมีคุณธรรม ความมีหลักศรัทธาบริสุทธิ์ตรงกัน และกระทำกิจกรรมที่เกิดขึ้นจากหลักศรัทธานี้.
            ดังนั้น กันอาน จึงจบชีวิตลงด้วยการจมน้ำตาย  การที่เขามีศักดิ์เป็นถึงลูกของนบีท่านหนึ่งจากบรรดานบีที่มีจิตใจเข้มแข็ง และเผชิญอันตรายในการเผยแพร่ศาสนา ไม่ได้ช่วยอะไรเขาได้เลย, อัลเลาะห์ ได้ช่วยให้นัวฮ์ และศรัทธาชนที่รวมอยู่กับเขาพ้นภัยจากน้ำท่วมโลก ทั้งที่ฝนตกกระหน่ำ  กระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก  ท่วมท้นแผ่นดินทั้งหมด จนในที่สุดเรือของนบีนัวฮ์ ก็ได้ไปติดอยู่บนยอดเขาลูกหนึ่งคือภูเขา อัลญูดีย์ กล่าวกันว่าเป็นภูเขาที่อยู่ทางด้าน ดิยาร บักร์ ในคาบสมุทรอาหรับ.
            และนี่คือการลงโทษของอัลเลาะห์ ที่กระทำต่อพวกที่ก่อการละเมิด และนี่คือความเมตตาที่พระองค์มอบให้แก่กลุ่มชนที่มีศรัทธา.
            และที่ยังคงเหลือสำหรับพวกเราหลังจากนั้นก็คือ พวกเรามีศรัทธาต่ออัลเลาะห์ ต่อมะลาอิกะห์ของพระองค์ ต่อคัมภีร์ของพระองค์ ต่อศาสนทูตของพระองค์ โดยเราจะไม่แบ่งแยกระหว่าง ศาสนทูตท่านใดจากบรรดาศาสนทูตของอัลเลาะห์  และที่เป็นหน้าที่ของพวกเราต่อไปก็คือจะต้องอ่านอัลกุรอานและศึกษาชีวประวัติของนบีนัวฮ์ (.) จากอายะห์ต่างๆ เพื่อเราจะได้บทเรียนและข้อคิดที่เป็นประโยชน์แก่ตัวเรา  และพวกเราทราบดีว่าอัลเลาะห์ไม่ได้เล่าชีวประวัติต่างๆ ให้พวกเราได้รับทราบโดยผ่านมาทางนบีท่านต่างๆ และนบีท่านสุดท้ายคือนบีมุฮำหมัด (.) นอกจากเพื่อให้เป็นอุทธาหรณ์แก่พวกที่ใช้ความคิดไตร่ตรอง  ดังนั้นพวกเราจะต้องปฏิบัติตามคำบัญชาของอัลเลาะห์ ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกร.
            และผู้เป็นบุตร ก็จะต้องรับฟังคำแนะนำสั่งสอนของผู้เป็นบิดามารดา และนำไปปฏิบัติตราบที่ไม่เป็นการละเมิดต่ออัลเลาะห์  จะต้องให้เกียรติยกย่องผู้ที่มีความรู้และผู้อาวุโสในสังคมของเรา  จะต้องทบทวนอัลกุรอานที่เล่าเรื่องราวของคนในยุคก่อนให้พวกเราได้รับรู้ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ดีมีประโยชน์และในแง่นี้เราจะพบว่าอัลกุรอานได้เล่าเรื่องน้ำท่วมโลกให้พวกเราฟังอย่างครบถ้วน อัลเลาะห์ ตาอาลาตรัสว่า :
            “และเรือได้พาพวกเขาฝ่าคลื่นที่สูงดุจดังขุนเขาไป  และนัวฮ์ได้เรียกบุตรชายของเขา ขณะที่บุตรชายของเขาได้ปลีกตัวออกไปจากพวกที่มีศรัทธาว่า โอ้ลูกรัก จงโดยสารเรือไปพร้อมกับพวกเราเถิด  เจ้าอย่าไปร่วมอยู่กับพวกที่ไร้ศรัทธา จะเป็นเหตุให้เจ้าจมน้ำเสียชีวิต (42) บุตรชายของนัวฮ์กล่าวว่า ฉันจะไปอาศัยอยู่บนภูเขา ที่มันจะสามารถปกป้องฉันจากจมน้ำได้, นัวฮ์ ได้ตอบเขาว่า ในวันนี้  ไม่มีใครจะป้องกันจากสิ่งที่อัลเลาะห์มีบัญชาไว้และได้กำหนดให้เกิดขึ้นได้เลยอันได้แก่การจมน้ำและความหายนะ  นอกจากผู้ที่อัลเลาะห์ ตาอาลาพระองค์เมตตาเขาเท่านั้น ดังนั้นท่านจงรักษาตัวให้ปลอดภัย และจงมาโดยสารเรือพร้อมกับพวกเราเถิดและคลื่นสูงได้ซัดพาบุตรชายและนัวฮ์ออกห่างไปจากกัน จนในที่สุดเขาก็เป็นผู้หนึ่งที่จมน้ำเสียชีวิตไป (43) และอัลเลาะห์ ได้ตรัสแก่ผืนแผ่นดิน ภายหลังความหายนะพวกพ้องของนัวฮ์ ว่า โอ้ผืนแผ่นดินเจ้าจงกลืนกินน้ำของเจ้าเถิด  และโอ้ท้องฟ้า เจ้าจงระงับน้ำฝนของเจ้าเถิด  น้ำเริ่มลดลงและแห้งในที่สุด, ภารกิจของอัลเลาะห์ในการลงโทษพวกพ้องของนัวฮ์เสร็จสิ้น, และเรือได้จอดลง ณ ภูเขา อัลญูดีย์, และมีผู้ประกาศว่า ความหายนะ และความเหินห่างจงเกิดแก่พวกที่ละเมิด ซึ่งล่วงล้ำขอบเขตของอัลเลาะห์ โดยพวกเขาไม่ได้ศรัทธาต่อพระองค์ (44)


           
 







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น