หมวดที่ 1 ศาสดามุฮัมหมัด(ซ.ล.)
ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสดาเพื่อเผยแพร่อิสลามให้ชาวอาหรับหรือมนุษยชาติทั้งมวล
1.นับตั้งแต่ศาสดามุฮัมหมัด(ซ.ล.)
ทรงประกาศศาสนาอิสลามให้แก่มนุษยชาติในครั้งแรกนั้น พระองค์ทรงตรัสว่า “แท้จริงฉันเป็นศาสนาทูตของอัลเลาะห์
ที่ถูกส่งมายังพวกท่าน และเพื่อมวลมนุษยชาติทั้งมวล” ซึ่งหมายความว่าพระองค์เป็นผู้นำศาสนาเพื่อมนุษยชาติทั้งมวล
และมิได้กล่าวอ้างว่า
อิสลามเป็นศาสนาของชาวอาหรับเพียงอย่างเดียวแต่เป็นศาสนาเพื่อมวลมนุษยชาติทั้งหมด
และพระองค์ยังทรงตรัสเน้นเสริมอีกว่า”ศาสดาองค์ก่อนๆถูกส่งมาเพื่อกลุ่มชนของเขาเท่านั้น
แต่ฉันถูกส่งลงมาเพื่อประชาชาติทั้งมวล”
2.ผู้ใดก็ตามที่อ่านคัมภีร์อัลกุรอ่าน ด้วยความเข้าใจแล้ว
พบว่าอัลกุรอ่านได้เชิญชวนและเรียกร้องให้มนุษย์ทุกคนไปสู่ศาสนาของอัลเลาะห์ คุณลักษณะดังกล่าวนี้เป็นเรื่องชัดแจ้งเสมือนแสงสว่าง
ที่ปรากฏอยู่ในโองการต่างๆ ซึ่งถูกประทานลงมา ณ นครมักกะห์ ก่อนที่ท่านศาสดาจะอพยพ
ดังปรากฏหลักฐานในอัลกุรอ่าน ซูเราะห์ อัลอันบียา โองการที่ 107 ความว่า “และเรามิได้ส่งเจ้ามาเพื่ออื่นใด
นอกจากเพื่อความเมตตาต่อประชาชาติทั้งหลาย” และในซุเราะห์อัลฟาติฮะห์
ซึ่งเป็นซูเราะห์แรกในอัลกุรอ่านความว่า “ การสรรเสริญทั้งหลายนั้นเป็นสิทธิแด่อัลเลาะห์
ผู้เป็นพระเจ้าของสากลโลก”
3. จากข้อเท็จจริงที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น จะเห็นได้ว่าท่านศาสดาไม่ได้เปลี่ยนแปลงแผนการของพระองค์เลย
หากแต่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามศาสนาและบทบัญญัติของอิสลาม โดยเรียกร้องตามขั้นตอน
ซึ่งวิวัฒนาการดังกล่าวนั้นถือเป็นเรื่องธรรดา เนื่องจากว่าเป็นการยากยิ่งสำหรับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
ศาสนคติ นิสัย และประเพณีที่ฝังลึกยากต่อการยกเลิก ในเริ่มแรกของการก่อตั้งอิสลาม
ได้มีการปลูกฝักหลักการแห่งการศรัทธาในดวงจิตและจิตใจของมนุษย์
ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นรากฐานของบัญญัติที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงวิธีชีวิตคน
อิสลามได้ใช้วิธีการแบบนี้ ซึ่งค่อยๆ นำไปสู่การห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
ห้ามขูดรีด ด้วยการเก็บดอกเบี้ย การยกเลิกทาส
ในช่วงระยะเวลาการเผยแพร่ในนครมักกะห์นั้น
ได้เน้นเกี่ยวกับหลักการศรัทธาเป็นหลักใหญ่ ส่วนในช่วงนครมะดีนะห์
ได้เริ่มมีการบัญญัติรายละเอียดตามศาสนากำหนดต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น